โปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์
ไวรัส ( virus ) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นเพื่อสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งานและอาจร้ายแรงถึงขั้นทำลายระบบคอมพิวเตอร์ให้เสียหายทั้งระบบ
โดยจะทำการแนบโปรแกรมแปลกปลอมเข้าไปกับโปรแกรมอื่น
แล้วแพร่กระจายตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ โดยผ่านสื่อบันทึกข้อมูล
เช่น แผ่นบันทึก แฟลชไดรฟ์ หรือผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เวิร์ม ( worm
) หรือหนอนคอมพิวเตอร์
เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่สามารถคัดลอกตัวเองแล้วส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ได้ทันที โดยอาศัยการเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ
อินเทอร์เน็ตที่ไม่มีการป้องกันที่ดีพอ
โดยจะเข้าไปกีดขวางการทำงานของระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ช้าลง หรือ
หยุดทำงาน
ม้าโทรจัน ( trojan horse ) เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่ผ่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยการแอบแฝงตัวเองว่าเป็นโปรแกรมอื่น
เช่น การหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจว่าเป็นโปรแกรมเกม หรือ โปรแกรมสกรีนเซิร์ฟเวอร์
ที่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดฟรีจากอินเทอร์เน็ต
เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดโปรแกรมนี้เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
อาจจะมีไวรัสซึ่งติดมากับม้าโทรจันนี้เข้าไปทำความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ได้
สปายแวร์ ( spyware ) เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้คอยติดตาม
บันทึกข้อมูลส่วนบุคคล รายงานข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนบนอินเทอร์เน็ต หรือ
ทำการเปลี่ยนการตั้งค่าของโปรแกรมเบราว์เซอร์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญ และ
ทำให้ประสิทธิภาพให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ช้าลง เช่น คีย์ล๊อคเกอร์ ( key-logger)
เป็นสปายแวร์ประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการกดแป้นคีย์บอร์ดของผู้ใช้
ข้อมูลที่จัดเก็บจะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ได้
แอดแวร์ ( adware ) เป็นโปรแกรมแอบแฝงที่เมื่อโปรแกรมได้รับการดาวน์โหลดหรือมีการติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว
จะแสดงหน้าต่าง ป๊อปอัพ ( pop – up ) ที่มีการโฆษณาสินค้าออกมาเป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ
สแปม ( spam
) เป็นการใช้ระบบส่งอีเมลในการส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ ให้กับผู้ใช้เป็นจำนวนมาก
สแปมที่พบบ่อย คือการส่งข้อความโฆษณาขายสินค้า บริการ ท่องเที่ยว
ชักชวนประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง ผ่านระบบอีเมลที่เรียกว่า เมลขยะ ( junk
mail ) นอกจากนี้อาจมีการส่งผ่านสื่ออื่น เช่น การส่งสารทันที
โทรศัพท์เคลื่อนที่ เกมออนไลน์ โปรแกรมค้นหา บล็อก หรือ วิกิ
ซึ่งส่งผลให้เกิดการรบกวนการใช้สื่อสารเหล่านั้น
ไม่บันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ8.
การใช้โปรแกรม
MSN อย่างปลอดภัย9. ระวังการใช้กล้องเว็บแคม10. ไม่ควรบันทึกภาพวิดีโอ
หรือเสียงที่ไมเหมาะสมบนคอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือ11. จัดการกับ Junk
Mail จังค์ เมล์ หรือ อีเมล์ขยะ
VideoCach จะสร้างทางลัดขึ้นบนหน้าจอเดสก์ท็อปแล้วแสดงข้อความเตือนการติดเชื้อปลอมๆ
นอกจากนี้ยังเปิดหน้าต่าง Internet
Explorer เพื่อลวงผู้ใช้ว่ามีมัลแวร์ได้รับการติดตั้งเข้าสู่ระบบ
แอดแวร์นี้มีการเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บบางแห่งที่สามารถดาวน์โหลดหรือสั่งซื้อแอพพลิเคชันรักษาความปลอดภัย
ในการทำงาน
แอดแวร์จะสแกนคอมพิวเตอร์และตรวจจับคุกกี้ธรรมดาซึ่งไม่เป็นอันตรายว่าเป็นมัลแวร์และรายงานข้อผิดพลาดที่ไม่สำคัญ
เช่น ข้อมูลใน Windows registry ที่เป็นของไฟล์ซึ่งไม่มีอยู่
XPCSpy ใช้เทคนิค
rootkit ในการซ่อนการทำงานของตนเช่นกัน
โปรแกรมนี้จัดเป็นโปรแกรมซึ่งอาจไม่พึงประสงค์ (PUP) ได้เนื่องจากสามารถขโมยข้อมูลลับของผู้ใช้คอมพิวเตอร์และดำเนินการต่างๆ
ที่เป็นอันตราย เช่น เก็บภาพหน้าจอหรือบันทึกการกดแป้นพิมพ์ บันทึกหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าดู
บันทึกอีเมล์ที่ส่งออกไปหรือคำสนทนาที่เกิดขึ้นในโปรแกรมสนทนาต่างๆ
Piggi.B คัดลอกตัวเองในชื่อ
iexplore.exe ลงในโฟลเดอร์
ProgramsFiles และย้ายไฟล์เดิม
(ซึ่งเป็นของอินเทอร์เน็ตบราวเซอร์ชื่อดัง) ไปยังโฟลเดอร์ย่อยในไดเร็กทอรีระบบของ Windows ทำให้ Piggi.B ถูกเรียกขึ้นทำงานทุกครั้งที่มีผู้เปิด
Internet Explorer
VideoCach เป็นแอดแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทแอพพลิเคชันรักษาความปลอดภัยในแบบที่ไม่ถูกต้อง
โดยใช้เทคนิค rootkit ในการซ่อนการทำงานของตน
การป้ องกันและกำจัดโปรแกรมไม่พึงประส งค์
1.Kaspersky โปรแกรมป้องกันไวรัสที่หลายคนคุ้นเคยและได้รับความนิยมในเรื่องของการ
ป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ Kaspersky ถือเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีฟีเจอร์การทำงาน
ครอบคลุมการปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัส ด้วยคุณสมบัติป้องกันแบบเรียลไทม์
ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส, สปายแวร์, มัลแวร์
, โทรจัน, เวิร์ม, rootkist,
botnets เป็นต้น และเสริมความแข็งแรงด้วยฟีเจอร์ Firewall เพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ สามารถไปดาวน์โหลด ได้ที่ Kaspersky
Lab โดยโปรแกรมเป็นแบบฟรี Trial สามารถใช้งานได้
30 วัน
2. Avast Antivirus โปรแกรมป้องกันไวรัสอีกตัว ที่หันมาพัฒนาแอนตี้ไวรัสแบบฟรีแวร์อย่างต่อเนื่อง
มาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันไวรัสพื้นฐานและความปลอดภัยกับการทำงานรวดเร็ว
ป้องกันไวรัส สปายแวร์ และยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
การรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ 32-bit และ 64-bit
3. Norton โปรแกรมป้องกันไวรัสที่โลดแล่นอยู่ในวงการแอนตี้ไวรัสมานาน
ถึงแม้จะถูกผู้พัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ ยึดตำแหน่งไปครอง แต่ทาง Norton ก็ยังคงพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสของตัวเองให้ทันยุคทันสมัย
เพิ่มคุณสมบัติการทำงานของโปรแกรมใหม่ ๆ เช่น เชื่อมต่อกับเฟซบุ๊กเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
จัดการมัลแวร์ที่แอบแฝงอยู่บนเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นต้น Norton ยังคงให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานทุกระดับ
หากสนใจสามารถดาวน์โหลด Norton AntiVirus 2012 เวอร์ชั่นล่าสุดแบบ
Trial ทดลองใช้งาน 30 วัน
4. Microsoft Security Essentials หรือ MSE โปรแกรมป้องกันไวรัสหน้าใหม่จากไมโครซอฟท์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และกลายเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสยอดนิยมเพราะเป็นฟรีแวร์ที่แจกจ่ายฟรีไม่มี ข้อผูกมัด คุณสมบัติต่าง ๆ ของ Microsoft Security Essentials ก็ไม่ได้น้อยหน้าโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ มาพร้อมกับการปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์และอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายด้วยการรักษาความปลอดภัยและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
5. AVG โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีอีกตัวนึงในตลาดโปรแกรมป้องกันไวรัส
ด้วยความไว้วางใจจากผู้ใช้งาน 98
ล้านคนทั่วโลก AVG มีการพัฒนาที่ทันสมัยอยู่เสมอและที่สำคัญเป็นโปรแกรมฟรีแวร์
ที่แจกจ่ายให้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ
สำหรับคุณสมบัติการป้องกันไวรัสเรียกได้ว่าครอบคลุมการทำงาน ช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ให้ห่างไกลไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์
รวมไปถึงตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยการใช้งานเว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์
6. Comodo Antivirus ถือเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีรางวัลการันตีการป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานโดยออก Comodo Free Antivirus เป็นโปรแกรมฟรีแวร์แต่มาพร้อมกับคุณภาพและคุณสมบัติการป้องกันไวรัส
ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส โทรจัน สปายแวร์ และ Firewall ที่แข็งแกร่ง
การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง
หากกำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่พร้อมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ แบบตัวเดียว Comodo
Antivirus เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม
7. Comodo Antivirus ถือเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีรางวัลการันตีการป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานโดยออก Comodo Free Antivirus เป็นโปรแกรมฟรีแวร์แต่มาพร้อมกับคุณภาพและคุณสมบัติการป้องกันไวรัส
ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส โทรจัน สปายแวร์ และ Firewall ที่แข็งแกร่ง
การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง
หากกำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่พร้อมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ แบบตัวเดียว Comodo
Antivirus เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม
8. Trend Micro เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมป้องไวรัสและป้องกันสปายแวร์ที่ดีอีกตัว
พร้อมกับคุณสมบัติการทำงานที่ครอบคลุมการใช้งาน สามารถทำงานร่วมกับ Windows XP/ Windows7 และ Windows
Vista ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือจากนี้แล้ว Trend Micro ก็ยังพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับโทรศัพท์ด้วยความใส่ใจผู้ใช้งานทุกรูป
แบบ โปรแกรมเป็นแบบฟรี Trial ทดลองใช้งาน 30 วัน
9. Avira Antivirus หรือที่รู้จักกัน คือ "ร่มแดง" เนื่องจาก
โปรแกรมนี้ใช้สัญลักษณ์ ร่มแดง นั้นเอง โปรแกรมตัวนี้ถือได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์
แอนตี้ไวรัสที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมอย่างมาก
กับประสิทธิภาพการทำงานและเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก
ความสามารถไม่ได้น้อยหน้าโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ
ด้วยการป้องกันไวรัสได้มากกว่า 300,000
ชนิดและมีการอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันไวรัสใหม่ ๆ
ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
และการใช้งานที่ง่ายรวมไปถึงใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์น้อย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า
ๆ
10. BitDefender โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณสมบัติครอบคลุมมากที่สุดทำให้การใช้งานทรัพยากร
ของคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่ถ้าแลกกับคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานที่ได้นั้น ถือว่า BitDefender ทำงานได้ดีมากทีเดียว
ด้วยฟีเจอร์การทำงาน รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่เข้ามาเสริมทัพ
และข่าวดีก็คือ BitDefender ได้ออกโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบฟรีแวร์
มาในชื่อ BitDefender Free Edition ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการทำงานและป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิภาพ
ป้องกันในระดับนึง
คุณสมบัติเฉพาะ หรือความสามารถในการทำงาน
System Progressive Protection ได้รับการแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตหลายพันและติดเชื้อของคอมพิวเตอร์. ไวรัสนี้โดยเฉพาะการติดเชื้อคอมพิวเตอร์เมื่อคนตั้งใจดาวน์โหลดไฟล์ที่มี System Progressive Protection ไวรัส. ครั้งนี้ไฟล์ที่เป็นอันตรายจะถูกดาวน์โหลด, คอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อทันที.
มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากที่จะคิดออกที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ที่ติดเชื้อที่มีเชื้อไวรัสนี้. แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ที่ System Progressive Protection เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณให้คุณแทนจะต้องมุ่งเน้นการกำจัดมัน. เราจะแสดงให้คุณเห็นว่าวิธีการที่จะกำจัดไวรัสนี้ใช้คู่มือการกำจัดด้านล่าง.
แก๊งไซเบอร์ที่ถูกสร้างขึ้น System Progressive Protection จะฉลาดมาก. พวกเขาใช้อินเตอร์เฟซแบบกราฟิกมองในความพยายามที่จะหลอกผู้ใช้คอมพิวเตอร์ให้เชื่อว่ามันเป็นโปรแกรมจริง. อย่างไรก็ตาม, System Progressive Protection ไม่ได้เป็นจริงและไม่ควรเชื่อถือ.
มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากที่จะคิดออกที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ที่ติดเชื้อที่มีเชื้อไวรัสนี้. แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ที่ System Progressive Protection เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณให้คุณแทนจะต้องมุ่งเน้นการกำจัดมัน. เราจะแสดงให้คุณเห็นว่าวิธีการที่จะกำจัดไวรัสนี้ใช้คู่มือการกำจัดด้านล่าง.
แก๊งไซเบอร์ที่ถูกสร้างขึ้น System Progressive Protection จะฉลาดมาก. พวกเขาใช้อินเตอร์เฟซแบบกราฟิกมองในความพยายามที่จะหลอกผู้ใช้คอมพิวเตอร์ให้เชื่อว่ามันเป็นโปรแกรมจริง. อย่างไรก็ตาม, System Progressive Protection ไม่ได้เป็นจริงและไม่ควรเชื่อถือ.
กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อลบ System Progressive Protection ได้ทันที.
ไวรัสตัวนี้จะทำการสแกนคอมพิวเตอร์ปลอม, แสดงผลการสแกนปลอมและจะระบุว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีการติดเชื้อบาง. คุณไม่ควรเชื่อสิ่งที่ System Progressive Protection รัฐ. สแกน, ผลการสแกนและการแจ้งเตือนการเปิดใช้งานหลอกลวงสมบูรณ์. การติดเชื้อที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวคือ System Progressive Protection ตัวเอง.
ไวรัสนี้อย่างต่อเนื่องจะขอให้คุณเปิดใช้งาน System Progressive Protection เพื่อลบการติดเชื้อที่อ้างว่าได้พบ. แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันการใช้งานเช่นนี้ซอฟต์แวร์ปลอม. The System Progressive Protection ปุ่มเปิดใช้งานไม่ได้ไปกำจัดของโปรแกรมนี้และหยุดมันจากการรบกวนคุณ.
เพื่อให้ได้รับการกำจัดของ System Progressive Protection จากคอมพิวเตอร์ของคุณคุณต้องใช้ไวรัสโปรแกรมกำจัดมืออาชีพ. เราขอแนะนำ Spyhunter ในขณะที่มันได้รับการออกแบบโดยเฉพาะและการพัฒนาเพื่อจัดการกับไวรัสเช่นนี้. ความพยายามที่จะทำระบบเรียกคืนคอมพิวเตอร์ของคุณจะทำอะไรอย่าง. ผู้สร้างของ System Progressive Protection ได้ปิดการใช้งานความสามารถในการทำระบบเรียกคืนจะเอามันออก.
Spyhunter จะทำเสร็จสแกนเต็มรูปแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ, พบ System Progressive Protection และลบออกอย่างถาวร. เราขอแนะนำ Spyhunter เป็นทางออกที่ดีสำหรับการลบไวรัสเช่นเดียวกับการป้องกันในอนาคต. กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อลบ System Progressive Protection ได้ทันที.
System Progressive Protection
คำแนะนำการกำจัดไวรัสคำแนะนำการกำจัดไวรัสที่เราได้ระบุไว้ด้านล่างนี้ได้รับการพิสูจน์ลบ System Progressive Protection Virus. คุณต้อง จะอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อเมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้.
1เพื่อเริ่มต้น, ไปข้างหน้าและรีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อ. หากคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อจะถูกปิด, ไปข้างหน้าและเปิดใช้งาน.
2ทันทีในขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มบูต, กด F8 หลาย ๆ ครั้ง. กด F8 ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเมนูตัวเลือกขั้นสูง.
3เมื่อคุณอยู่ในเมนูตัวเลือกขั้นสูง, ใช้ปุ่มลูกศรของคุณและเลือก Safe Mode with Networking ตัวเลือก. กด ENTER เมื่อคุณได้เลือกตัวเลือกที่.
4Windows จะบูตเข้าสู่ Safe Mode with Networking. Safe Mode with Networking จะช่วยให้คุณลบSystem Progressive Protection ซึ่งมันจะไม่อนุญาตให้เมื่อ Windows อยู่ในโหมดปกติ.
5ตอนนี้ไวรัสจะไม่ทำงานเป็นเวลาที่จะเริ่มการกำจัด. บนคีย์บอร์ดของคุณ, คลิกและ ถือ คีย์ Windows, จากนั้นกดปุ่ม R. ดูแผนภาพแป้นพิมพ์ด้านล่าง.
6หลังจากที่คุณได้กดของ Windows และ R ที่สำคัญ, กล่องเรียกใช้ Windows จะเปิด. ประเภทว่าต่อไปนี้ลงในช่องเรียกใช้และคลิก OK:
iexplore http://www.spywarehelpcenter.com/removal
หลังจากที่คลิก OK, คอมพิวเตอร์ของคุณจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและดาวน์โหลดโปรแกรมกำจัดไวรัสที่แนะนำของเราที่เรียกว่า Spyhunter.
7เมื่อคุณเห็น Spyhunter กล่องดาวน์โหลด, คลิกปุ่ม Run. ภาพของกล่องดาวน์โหลดอยู่ด้านล่าง. หลังจากที่คุณคลิก “เรียกใช้” ปุ่ม, Spyhunter จะเปิดตัว. หากคอมพิวเตอร์ของคุณจะถามว่าคุณแน่ใจว่าคุณต้องการเรียกใช้Spyhunter, คลิก OK. The Spyhunter การติดตั้งจะเริ่มต้น. หลังจากที่ติดตั้งอย่างเต็มที่ Spyhunter การสแกนไวรัสอัตโนมัติจะเริ่มต้น.
8หลังจากที่ Spyhunter ได้สแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณคุณจะเห็น System Progressive Protection ชื่อไวรัสในผลการสแกน. เพียงแค่คลิก "แก้ไขภัยคุกคาม" เพื่อลบไวรัส.
9หลังจากที่คุณคลิก "แก้ไขปัญหาภัยคุกคาม" คุณจะต้องลงทะเบียน Spyhunter ในการลบ System Progressive Protection. กรุณาลงทะเบียน Spyhunter และไวรัสจะถูกลบออก.
ลงทะเบียน Spyhunter มีประโยชน์ที่เหนือกว่ารวมทั้งเรียลไทม์การป้องกันภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องที่อาจเกิดขึ้น.Spyhunter จะตรวจจับและลบภัยคุกคามใด ๆ ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงไวรัส, สปายแวร์, โทรจัน, การติดเชื้อรีจิสทรีและอื่น ๆ. เป็นโซลูชั่นที่ all - in - หนึ่งที่ดีสำหรับความต้องการความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของคุณและนั่นคือเหตุผลที่เราขอแนะนำให้.
10หลังจากที่คุณได้ลงทะเบียน Spyhunter, และไวรัสจะถูกลบออก, คุณสามารถรีบูตเข้าสู่โหมดปกติ. TheSystem Progressive Protection ไวรัสจะหายไปอย่างสมบูรณ์.
การดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม
Earth Alerts เป็นโปรแกรมที่จะช่วยให้เราติดตามข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติจากทั่วโลกได้
โปรแกรมได้ใช้ข้อมูลจากศูนย์ภัยพิบัติจากหลายหน่วยงานทั่วโลก
ทำให้โปรแกรมสามารถแจ้งเตือนพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับภัยต่างๆ
ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โปรแกรมมีการใช้ข้อมูลจากหน่วยงานสากล
ทำให้ข้อมูลที่แสดงในโปรแกรมถูกต้องและเชื่อถือได้
นอกจากโปรแกรมจะมีการแสดงผลภัยพิบัติจากทั่วโลกแล้ว
เรายังสามารถกำหนดให้โปรแกรมแสดงข้อมูลในพื้นที่ที่เราอยู่
สามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศทั่วไป
ข้อมูลเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศและภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น
ทำให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานะการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอย่างทันท่วงที
Glary
Utilities เป็นโปรแกรมบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์อีกโปรแกรมที่สามารถทำงานด้วยการคลิ๊กเพียงครั้งเดียว
โปรแกรมจะช่วยในการดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ให้ปราศจากปัญหาและสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
โปรแกรมจะทำหน้าที่ในการทำความสะอาดและซ่อมแซม registry พร้อมทั้งทำความสะอาดฮาร์ดดิสโดยการการลบไฟล์ขยะและไฟล์ไม่จำเป็นได้อย่างหมดจด
โปรแกรมยังช่วยในการลบข้อมูลการใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตซึ่งมักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับพาสเวิร์ดหรือข้อมูลส่วนตัวของเราออกไป
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมยข้อมูลในภายหลัง
โปรแกรมออกแบบให้ทำงานทุกอย่างภายในคลิ๊กเดียว ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ
Firefox เป็นโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่มีการพัฒนาในด้านความเร็วยิ่งขึ้น
โปรแกรมนี้นอกจากจะเป็นโปรแกรมบราวเซอร์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 3 แล้ว
โปรแกรมยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้พัฒนาเว็บไซต์อีกด้วย
เนื่องจากมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกและปลั๊กอินหลากหลายให้เลือกใช้งาน
โปรแกรมรองรับการใช้งานมาตรฐานเว็บไซต์ใหม่ๆ อย่าง HTML5 และ
CSS3 อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดก็มีการพัฒนาเพิ่มเติมในด้านความเร็วการประมวลผล
Javascript ซึ่งมีการเปลี่ยนระบบใหม่ให้เป็น IonMonkey,
รองรับการแสดงผลของ Retina Display, ปรับปรุงระบบการซูมเข้า-ออกของหน้าเว็บไซต์,
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแท็บ, เพิ่มความเร็วในการเปิดโปรแกรม
เป็นต้น
ZoneAlarm
Free Antivirus เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสฟรีที่มีดีตรงที่มีไฟร์วอลล์ติดมาด้วย
โปรแกรมนี้นอกจากจะทำงานเหมือนโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วไปแล้ว
โปรแกรมยังมีการติดตั้งไฟร์วอลล์มาให้เสร็จสรรพ
เพื่อเพิ่มระดับการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
ซึ่งการใช้ไฟร์วอลล์จะเป็นการป้องกันการโจมตีทั้งจากภายนอกและป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลออกไปยังเงื้อมมือผู้ไม่ประสงค์ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากไฟร์วอลล์จะมีการตรวจสอบการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
โปรแกรมมีความสามารถในการป้องกันไวรัส, สปายแวร์, โทจัน, หนอนอินเตอร์เน็ต, บอท, และรูทคิท
พร้อมทั้งสามารถป้องกันอันตรายจากเว็บไซต์ที่มีการโจมตีหลากหลายรูปแบบและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
Everything เป็นโปรแกรมที่จะช่วยให้การค้นหาไฟล์ในเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว
โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อใช้แทนที่ระบบการค้นหาไฟล์ของวินโดว์ที่มักจะใช้เวลานาน
หลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม โปรแกรมจะทำการสแกนและเก็บข้อมูลไฟล์ภายในเครื่องซึ่งอาจจะใช้เวลา
1 นาทีต่อ 1
ล้านไฟล์ หลังจากที่โปรแกรมเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว
เราก็สามารถใช้โปรแกรมในการค้นหาไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
โปรแกรมสามารถใช้ในการค้นหาได้ทั้งทั้งที่เป็นไฟล์และโฟลเดอร์โดยเราสามารถค้นหาจากชื่อไฟล์
ชื่อนามสกุล แถมยังสามารถในการค้นหาพิเศษ เช่น การให้แสดงเฉพาะชนิดไฟล์ที่ต้องการ,
การใช้ operator OR/AND/NOT เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการค้นหา
เป็นต้น
Prey
Anti-Theft หากใครกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะแล็บท็อปจะถูกขโมยล่ะก็
โปรแกรมนี้จะช่วยให้เราสามารถตามหาเครื่องที่หายไปได้
โปรแกรมจะทำการติดตั้งระบบค้นหาตำแหน่งไว้บนเครื่อง โดยโปรแกรมจะใช้สัญญาณ Wifi โดยรอบเพื่อใช้ระบุตำแหน่ง
หากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่หายไปถูกเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
โปรแกรมก็จะเริ่มทำงานและคอยส่งสัญญาณตำแหน่งรวมทั้งข้อมูลสถานะการทำงานของคอมพิวเตอร์
สามารถใช้กล้องเว็บแคมถ่ายรูปหัวขโมย ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ระหว่างที่ถูกขโมยไปจะถูกเก็บรวบรวมไว้บนเซิฟเวอร์ของโปรแกรม
ทำให้เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นหลักฐานในการตามจับหัวขโมยได้อย่างแน่นหนา
Freemake Video
Converter เป็นโปรแกรมแปลงไฟล์วีดีโอหรือคลิปที่เรามีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว
โปรแกรมมีการใช้งานระบบพรีเซ็ท
ซึ่งเป็นการตั้งค่าการแปลงไฟล์วีดีโอตามอุปกรณ์มือถือที่มีอยู่ในปัจจุบันไว้เรียบร้อยแล้ว
ทำให้เวลาใช้โปรแกรม เราเพียงแค่เลือกไฟล์ที่ต้องการแปลง จากนั้นก็เลือกชนิดอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่
โปรแกรมก็จะตั้งค่าการแปลงไฟล์ที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้ายังไม่ถูกใจการตั้งค่าที่โปรแกรมตั้งไว้
เราก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ตามที่ต้องการ
โปรแกรมยังสามารถใช้ในการริปแผ่นหนัง, แปลงไฟล์วีดีโอให้เป็นไฟล์เสียง MP3 และอื่นๆ
เกี่ยวกับไฟล์วีดีโออีกเพียบ สำหรับเวอร์ชั่นอัพเดทก็มีการเพิ่มการแปลงไฟล์สำหรับ iPad
Mini และอุปกรณ์ Android อีกหลายตัวที่มีความละเอียดไฟล์แตกต่างกันไป
3.2 วิธีการใช้งาน
หลังจากที่คุณติดตั้งโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเรียกเข้าโปรแกรมได้จากไอคอนของโปรแกรม ที่จะปรากฏอยู่ที่มุมขวามือด้านล่างของหน้าจอ Desktop (System Tray) หรือเรียกเข้าโปรแกรมจากทางเมนู Start / Programs / Internet Download Manager
ซึ่งคุณจะพบกับหน้าจอหลักของโปรแกรม ดังรูป
1. Add URL -- เป็นปุ่มที่ใช้ป้อนตำแหน่งของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด หรือก็คือ URL ของโปรแกรมนั้นๆ เช่น http://www.carabao.net/webboard/tsunami.mp3 หรือ http://www.registryfix.com/registryfix.exe
2. Resume -- เป็นปุ่มที่ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ ซึ่งอาจจะเกิดจากเน็ทหลุด หรือไฟดับ ทำให้การดาวน์โหลดขาดช่วง คุณก็สามารถใช้ปุ่มนี้ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ต่อเนื่องจากจุดที่ขาดช่วงได้ เมื่อคุณต่อเข้ามาในเน็ทอีกครั้งหนึ่ง
* ความสามารถในการดาวน์โหลดต่อเนื่องหรือ Resume นั้น ขึ้นอยู่กับ Server ที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ด้วยว่ายินยอมหรือรองรับการดาวน์โหลดแบบต่อเนื่องหรือไม่ หากไม่รองรับ คุณจำเป็นต้องเริ่มดาวน์โหลดใหม่ทั้งหมด
3. Stop -- เป็นปุ่มที่ใช้หยุดการดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งหาก Server ที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ รองรับการดาวน์โหลดไฟล์แบบต่อเนื่อง (Resume) คุณก็สามารถหยุดการดาวน์โหลดเพื่อไปทำธุระ และกลับมาดาวน์โหลดต่อเมื่อมีเวลา
4. Stop All -- ทำงานเหมือนกับปุ่ม Stop แต่ใช้ในกรณีที่ต้องการหยุดการดาวน์โหลดไฟล์ ที่กำลังดาวน์โหลดอยู่ ณ ขณะนั้นทั้งหมด
5. Delete -- เป็นปุ่มที่ใช้ลบรายการจากในลิสต์ดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM (จะได้กล่าวถึงในข้อ 13.) การลบไฟล์ดังกล่าวนี้ เป็นเพียงการลบรายการจากในลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เท่านั้น ไม่มีผลกระทบหรือไม่ได้ลบไฟล์ที่เราได้ดาวน์โหลดมาแล้ว
6. Delete Completed Files -- ทำงานเหมือนกับปุ่ม Delete แต่เป็นการลบรายการจากในลิสต์ดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ซึ่งดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ที่มีสถานะเป็น Complete ซึ่งจะแสดงอยู่ในลิสต์รายการดาวน์โหลด ที่จะได้กล่าวถึงในข้อ 13.) ออกไปในคราวเดียวกัน
7. Options -- ปุ่มที่ใช้ปรับแต่งการทำงานของโปรแกรม IDM (จะได้กล่าวถึงโดยละเอียดต่อไป)
8. Scheduler -- ปุ่มกำหนดตารางเวลาที่จะใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่ยังอยู่ในคิว (Queue) ที่แสดงในหน้าต่างลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เช่น เมื่อคุณพบไฟล์ที่ต้องการจะดาวน์โหลด คุณอาจจะไม่ได้ทำการดาวน์โหลดในทันที (ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม)
9. Start Queue -- ปุ่มที่สั่งให้โปรแกรม IDM ดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว (Queue) ซึ่งยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ
10. Stop Queue -- ปุ่มที่สั่งให้โปรแกรม IDM หยุดการดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว (Queue)
11. Tell a Friend -- ปุ่มที่ใช้เรียกโปรแกรม E-Mail จากในเครื่องของคุณ เพื่อแนะนำโปรแกรม IDM ให้กับเพื่อนของคุณทราบ
12. Categories -- การแบ่งประเภทของไฟล์ที่อยู่ในลิสต์รายการดาวน์โหลด เช่น ไฟล์ที่โปรแกรม IDM ทำการดาวน์โหลดทั้งหมด (All Downloads) , รายชื่อไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ (Unfinished) , รายชื่อไฟล์ที่ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว (Finished) นอกจากนี้ ในส่วนของรายชื่อไฟล์ที่ถูกดาวน์โหลดทั้งหมด ยังได้รับการแยกประเภทเป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัด (Compressed) ไฟล์เอกสาร (Documents) ไฟล์เสียง (Music) ไฟล์โปรแกรม (Programs) ไฟล์วีดีโอ (Video) เพื่อให้คุณสะดวกต่อการตัดสินใจดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับไฟล์แต่ละประเภทต่อไป
13. ลิสต์รายการดาวน์โหลด เป็นส่วนที่ใช้แสดงรายการไฟล์ที่ถูกดาวน์โหลดโดยโปรแกรม IDM ทั้งที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และยังไม่เรียบร้อย รวมทั้งไฟล์อยู่ในคิว
- File Name ชื่อไฟล์ที่ดาวน์โหลด
- Q หากไฟล์อยู่ในคิว (Queue) ที่จะถูกดาวน์โหลด (ไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่สมบูรณ์) จะปรากฏเป็นเครื่องหมาย +
- Size ขนาดของไฟล์ที่จะดาวน์โหลด
- Status สถานะของการดาวน์โหลด หากโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะขึ้นเป็นคำว่า Complete แต่หากยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของส่วนที่ดาวน์โหลดมาแล้ว
- Time-left ระยะเวลาที่คาดว่าจะดาวน์โหลดไฟล์เสร็จ (โดยประมาณ)
- Transfer rate อัตราความเร็วในการดาวน์โหลด
- Last Try … หากมีการดาวน์โหลดไฟล์ใดไฟล์หนึ่งมากกว่า 1 ครั้ง ในช่องนี้จะแสดงเป็นวันที่และเวลาในการดาวน์โหลดครั้งล่าสุด
- Description รายละเอียดของไฟล์ที่ดาวน์โหลด เช่น หากเป็นไฟล์ Mp3 ก็จะแสดงอัตราบิทเรท , ความยาวของเพลง
วิธีการดาวน์โหลดไฟล์โดยโปรแกรม IDM
การดาวน์โหลดไฟล์ในโปรแกรม IDM สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
1. เข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Add URL (ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น) ซึ่งจะปรากฏหน้าจอให้คุณป้อน URL ของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด เช่น http://www.carabao.net/webboard/tsunami.mp3 หรือ http://www.registryfix.com/registryfix.exe
2. เมื่อคุณเจอลิ้งค์ของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด คุณสามารถคลิกขวาที่ลิ้งค์นั้น แล้วเลือก Download with IDM ดังรูป
3. การดาวน์โหลดโดยใช้รถเข็นดาวน์โหลด ของโปรแกรม IDM การดาวน์โหลดด้วยวิธีนี้ ก่อนอื่นคุณต้องเปิดใช้งานระบบรถเข็นดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ก่อน โดยเข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM คลิกที่เมนู URL จากนั้นทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Show drop target
ซึ่งเมื่อคุณเจอลิ้งค์โปรแกรมที่คุณต้องการดาวน์โหลด ก็เพียงแค่ใช้เมาส์ลากลิ้งค์ดังกล่าว มาไว้ที่รถเข็นดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM (ดังที่แสดงในรูป) ที่จะแสดงอยู่ที่มุมล่างขวามือของหน้าจอ (คุณสามารถลากมันไปไว้ในตำแหน่งที่คุณต้องการได้)
4. การดาวน์โหลดโดยใช้คำสั่งก๊อปปี้ URL ที่เป็นข้อความ (ไม่ใช่ลิ้งค์) ซึ่งวิธีนี้จะมีประโยชน์เวลาที่คุณพบ URL ของไฟล์ที่ต้องการจะดาวน์โหลด เช่น http://www.registryfix.com/registryfix.exe แต่ทางคนที่บอก URL ไว้ไม่ได้ทำเป็นลิ้งค์ให้คุณคลิกเพื่อดาวน์โหลดได้ทันที คุณก็สามารถดาวน์โหลดได้จากโปรแกรม IDM ได้ด้วยวิธีง่ายๆ
แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าไปกำหนดให้ใช้ความสามารถนี้จากหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM (กำหนดเพียงครั้งเดียว) โดยคลิกที่เมนู Downloads เลือก Options
ในแท็บ General ให้คุณทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Automatically start downloading of URLs placed to clipboard
จากนั้นเมื่อคุณเจอลิ้งค์ดาวน์โหลดโปรแกรมที่เป็น URL แต่ทางคนที่บอก URL ไว้ อาจจะไม่ได้ทำลิ้งค์ให้ คุณก็เพียงแค่ลากเมาส์ทำไฮไลท์คลุมข้อความ URL ดังกล่าวไว้ จากนั้นเลือกคำสั่ง Copy ดังรูป
โปรแกรม IDM ก็จะขึ้นหน้าจอให้ยืนยันการดาวน์โหลด ดังรูป
ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกดาวน์โหลดด้วยวิธีการใดก็ตาม หน้าจอที่แสดงการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ก็จะแสดงผลขึ้นมาเหมือนๆ กัน ดังรูป
ในหน้าจอที่ปรากฏขึ้นมานี้ จะแสดง URL ของไฟล์ที่คุณกำลังจะดาวน์โหลด , โฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บไฟล์ที่ดาวน์โหลด (คุณสามารถคลิกปุ่ม Browse เพื่อเลือกโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บได้)
หากคุณไม่ต้องการดาวน์โหลด ณ ขณะนั้น คุณสามรถคลิกที่ปุ่ม Download Later เพื่อเก็บไฟล์ดังกล่าวเข้าคิว (Queue) ไปทำการดาวน์โหลดเมื่อคุณมีเวลาสะดวก (คุณสามารถตั้งเวลาดาวน์โหลด ในช่วงเวลาที่คุณต้องการได้จากปุ่ม Scheduler ในหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น)
แต่หากคุณต้องการเริ่มการดาวน์โหลดทันที ให้คุณคลิกที่ปุ่ม Start Download เพื่อเริ่มการดาวน์โหลดไฟล์ในทันที ซึ่งจะปรากฏหน้าจอแสดงการดาวน์โหลดขึ้นมาดังรูป
ในหน้าจอที่แสดงการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM นี้ จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดาวน์โหลดไฟล์ๆ นั้น เช่น ขนาดของไฟล์ จำนวนข้อมูลที่ดาวน์โหลดได้แล้ว ความเร็วในการดาวน์โหลด เวลาที่คาดว่าจะเสร็จ ซึ่งได้กล่าวถึงไปแล้ว ในข้อ 13. ที่อธิบายความหมายของแต่ละส่วนในหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM
มีจุดสังเกตที่ควรจะกล่าวถึงเพิ่มเติมเพียงจุดเดียว คือ ในบรรทัด Resume Capability ซึ่งจะบอกข้อมูลให้คุณทราบว่า คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวนี้ต่อเนื่องในภายหลังได้หรือไม่ (Yes/No) หากการดาวน์โหลดเกิดหยุดชะงักด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม
ซึ่งหากลิ้งค์โปรแกรมที่คุณต้องการจะดาวน์โหลดไฟล์นี้ มีมากกว่า 1 ลิ้งค์ และไฟล์ที่จะดาวน์โหลดมีขนาดใหญ่ คุณอาจจะเลือกลิ้งค์ที่มีความสามารถในการดาวน์โหลดต่อเนื่องในภายหลังได้ เพื่อหากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้การดาวน์โหลดต้องหยุดชะงักลง คุณจะได้สามารถกลับมาดาวน์โหลดต่อได้ในภายหลัง
ปรับแต่งการทำงานของโปรแกรม IDM ให้ตรงกับความต้องการ
โดยให้คุณเปิดหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ขึ้นมา จากนั้นคลิกไปที่เมนู Downloads >> Options ดังรูป
1. การกำหนดค่าในแท็บ General
ในส่วนที่ 1
- Launch Internet Download Manager on startup -- กำหนดให้เปิดใช้งานโปรแกรม IDM ทุกครั้งที่เริ่มใช้ Windows หรือไม่
- Automatically start downloading of URLs placed to clipboard -- กำหนดให้เมื่อมีการก๊อปปี้ข้อความใดๆ ที่ตรงกับชนิดของไฟล์ที่จะดาวน์โหลดด้วยโปรแกรม IDM ให้มีหน้าจอขึ้นมาให้ยืนยันการดาวน์โหลด (ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ในหัวข้อวิธีการดาวน์โหลดไฟล์โดยโปรแกรม IDM
- Use advanced browser integration -- ให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมกับเว็บบราวเซอร์ตามที่ระบุไว้ในกรอบด้านล่างของบรรทัดนี้ (จะได้กล่าวถึงในส่วนที่ 2) ซึ่งจะอำนวยความสะดวก เมื่อคุณมีการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บบราวเซอร์ที่ถูกระบุไว้นี้ โปรแกรม IDM จะทำงานแทนระบบดาวน์โหลดของตัวเว็บบราวเซอร์ในทันทีที่มีการดาวน์โหลดเกิดขึ้น
ในส่วนที่ 2
ชื่อโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่จะกำหนดให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมด้วย ในเบื้องต้นที่กำหนดไว้ คือ IE , Mozilla, Netscape, Opera แต่หากคุณต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ (ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะโปรแกรมประเภทบราวเซอร์เท่านั้น) เช่น เมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ด้วยโปรแกรม WS_FTP คุณอาจจะต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงานในส่วนนี้แทน ก็ให้คุณทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Detect new applications that try to download files from the internet
ในส่วนที่ 3
กำหนดชนิดของไฟล์ที่จะให้โปรแกรม IDM ดาวน์โหลด ซึ่งค่าปกติที่โปรแกรม IDM เตรียมมาให้ก็มีอยู่พอสมควรแล้ว เช่น หากคุณต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงาน เมื่อมีดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร (ที่มีนามสกุลเป็น .doc) คุณก็เพียงแค่เพิ่มคำว่า DOC ให้ต่อท้ายจากชนิดของไฟล์ตัวสุดท้ายโดยวรรคจากตัวก่อนหน้านั้น 1 วรรค (จากรูปชนิดของไฟล์ตัวสุดท้ายคือ PDF)
ในส่วนที่ 4
กำหนดรายชื่อเว็บที่คุณไม่ต้องการให้โปรแกรม IDM เป็นตัวดาวน์โหลด จากตัวอย่างในรูป เป็นเว็บอัพเดทระบบปฏิบัติการวินโดว์ (คุณสามารถใช้เครื่องหมาย * เพื่อกำหนดค่า URL เป็นช่วงกว้างๆ ได้)
2. การกำหนดค่าในแท็บ Connection
ในแท็บ Connection นี้ จะให้คุณกำหนดชนิดของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทที่คุณใช้งานอยู่ (Connection Type/Speed) เช่น Dial-up , ADSL ในแต่ละความเร็ว ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้โปรแกรม IDM สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
มีจุดกำหนดค่าที่สำคัญอยู่ 2 จุดที่ควรจะกล่าวถึง คือ Max. connections number ซึ่งเป็นการกำหนดคอนเน็คชั่นในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่เรากำหนดจะดาวน์โหลดไฟล์ (เหมือนกับการช่วยกันดาวน์โหลดไฟล์ๆ เดียวจากหลายๆ เครื่อง) โดยยิ่งเรากำหนดจำนวนคอนเน็คชั่นมาก ก็จะทำให้เราดาวน์โหลดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเพิ่มจำนวนคอนเน็คชั่นในการดาวน์โหลดมากเกินไป ก็จะสร้างภาระให้กับเซิร์ฟเวอร์ที่เราทำการดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ดูแลระบบหาทางป้องกันหรือจำกัดการดาวน์โหลดในครั้งต่อๆ ไป ดังนั้นค่าปกติที่ควรจะกำหนดไว้สำหรับ Max. connections number นั้น ไม่ควรจะเกิน 4
แต่หากคุณต้องการเพิ่มหรือลดจำนวนคอนเน็คชั่น โดยขึ้นอยู่กับเซิรฟ์เวอร์หรือเว็บไซท์ว่ามีความสามารถในการรองรับการแชร์ไฟล์หรือโปรแกรมได้มากน้อยเพียงใด คุณสามารถคลิกที่ปุ่ม New ภายใต้ส่วน Exceptions: ซึ่งจะทำให้คุณสามารถกำหนดค่า Max connections สำหรับแต่ละเว็บไซท์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลดไฟล์ได้
3. การกำหนดค่าในแท็บ Downloads
ในส่วนที่ 1
กำหนดโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์แต่ละประเภท โปรแกรม IDM จะแบ่งประเภทไฟล์ออกเป็น 6 หมวดหลักๆ คือ
ไฟล์ทั่วไป (General) , ไฟล์ที่ถูกบีบอัด (Compressed) ไฟล์เอกสาร (Documents) ไฟล์เสียง (Music) ไฟล์โปรแกรม (Programs) ไฟล์วีดีโอ (Video) ซึ่งวิธีการกำหนดโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บสำหรับไฟล์แต่ละประเภท ให้คุณคลิกเลือกหมวดในบรรทัด Category ก่อน จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Browse เพื่อเลือกโฟลเดอร์ และปฏิบัติด้วยขั้นตอนเช่นนี้ซ้ำๆ กัน จนครบทุกประเภทของไฟล์
สำหรับในบรรทัด Remember last save path for “General” category จะเป็นการกำหนดให้โปรแกรม IDM จำค่าโฟลเดอร์ที่บันทึกไฟล์ที่ดาวน์โหลดสำหรับไฟล์ประเภททั่วไปครั้งสุดท้ายเอาไว้ เช่น หากคุณกำหนดโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์ทั่วไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\GENERAL แต่ตอนที่คุณทำการดาวน์โหลดด้วยโปแกรม IDM คุณทำการเปลี่ยนโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บไฟล์ที่อยู่ในประเภททั่วไปนี้ ไปไว้ที่โฟลเดอร์อื่น เช่น C:\TEMP โปรแกรม IDM จะจำค่าโฟลเดอร์ที่เปลี่ยนไปนั้นไว้ด้วย ซึ่งเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่กลุ่มประเภททั่วไปนี้อีก โปรแกรม IDM ก็จะแสดงโฟลเดอร์ที่จะใช้จัดเก็บขึ้นมาให้เป็น C:\TEMP แทน C:\GENERAL ที่เคยกำหนดไว้
ในส่วนที่ 2
จะเป็นการกำหนดการแสดงผลหน้าจอการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เช่น ให้แสดงเป็นแบบ Normal หรือ Minimize นอกจากนั้นคุณยังสามารถกำหนดให้แสดงหรือไม่แสดงหน้าจอเริ่มต้นการดาวน์โหลด (Show start download dialog) และหน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จ (Show download complete dialog)
หน้าจอเริ่มต้นการดาวน์โหลด
หน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จ
ซึ่งหากคุณมักจะดาวน์โหลดไฟล์เป็นจำนวนมากพร้อมๆ กันหลายๆ ไฟล์ คุณอาจจะกำหนดไม่ให้แสดงหน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกะกะที่หน้าจอ หรือต้องคอยปิดหน้าจอเหล่านั้นทิ้งไป
ในส่วนที่ 3
คุณสามารถเลือกโปรแกรมสแกนไวรัสที่จะใช้ตรวจสอบไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดผ่านโปรแกรม IDM ได้จากการคลิกเลือกโปรแกรมในบรรทัด Virus scanner program จากนั้นใส่พารามิเตอร์ที่จะใช้ในการสแกนไฟล์ไว้ในบรรทัด Command line parameters
กำหนดรูปแบบการแสดงผลทั่วไปของโปรแกรม IDM
ให้คุณคลิกที่เมนู View คุณจะพบกับเมนูต่างๆ ที่ใช้ปรับรูปแบบการแสดงผลของโปรแกรม IDM ดังรูป
1. Hide categories -- ให้ซ่อนหรือแสดงหน้าต่างแยกประเภทไฟล์ที่ดาวน์โหลด ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM นี้
2. Arrange files -- เลือกรูปแบบการจัดเรียงไฟล์ในลิสต์รายการดาวน์โหลดโปรแกรม เช่น เรียงตามชื่อ , เรียงตามลำดับการดาวน์โหลด ฯลฯ
3. Toolbar -- เลือกรูปแบบการแสดงทูลบาร์ (Toolbar) ที่เป็นปุ่ม Add URL, Resume, Stop, Stop All ว่าจะแสดงเป็นไอคอนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ รวมทั้งให้แสดงผลแบบธรรมดาหรือสามมิติ (3D)
4. Customize URL List -- ปรับแต่งการแสดงผลในหน้าต่างลิสต์รายการดาวน์โหลด เช่น จะให้ซ่อนหรือแสดง คอลัมน์ใด (File Name, Q, Size, Status) หรือจะจัดให้คอลัมน์ใดอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง
5. Language -- เลือกภาษาที่จะใช้แสดงผลในโปรแกรม IDM (โปรแกรม IDM รองรับการแสดงผลภาษาไทย)
การอัพเดทโปรแกรม IDM แบบออนไลน์
คุณสามารถตรวจสอบและสั่งให้โปรแกรม IDM ทำการอัพเดทโปรแกรมให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ได้จากเมนู Help >> Quick Update จากหน้าจอหลักของโปรแกรม
ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปแล้ว คุณจะพบกับหน้าต่างที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรม IDM เวอร์ชั่นล่าสุดที่ทางเว็บผู้พัฒนาโปรแกรม IDM เปิดให้อัพเดท หากคุณต้องการอัพเดท ก็เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม Update now
* ถ้าคุณไม่ได้ใช้โปรแกรมลิขสิทธิ์ อาจจะหลีกเลี่ยงการอัพเดทโปรแกรมโดยวิธีนี้ เพราะทางผู้พัฒนาโปรแกรมอาจจะมีการตรวจสอบลิขสิทธ์ของโปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่ ผ่านช่องทางการอัพเดทโปรแกรมนี้
เทคนิคอื่นๆ
- ค้นหาและเปิดไฟล์
หากคุณจำโฟลเดอร์ที่คุณใช้เก็บโปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาจากเน็ทไม่ได้ แต่คุณใช้โปรแกรม IDM ในการดาวน์โหลดทุกครั้ง คุณสามารถเข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM จากนั้นเลือกประเภทของไฟล์ที่คุณต้องการค้นหาจาก Categories ทางด้านซ้ายของหน้าจอ และเลื่อนหาโปรแกรมที่คุณต้องการ จากนั้นสามารถสั่งให้เปิดไฟล์หรือสั่งให้ไฟล์โปรแกรมนั้นๆ ทำงานผ่านทางโปรแกรม IDM ได้ทันที (ดังแสดงในรูป)
- การดาวน์โหลดไฟล์จำนวนมาก ในคราวเดียวกัน
เมื่อคุณเข้าไปในหน้าจอซึ่งมีลิ้งค์ไฟล์หรือโปรแกรมที่คุณต้องการดาวน์โหลดอยู่เป็นจำนวนมาก คุณสามารถใช้การคลิกขวาที่หน้าจอนั้น และเลือกคำสั่ง Download All Links with IDM ดังในรูป ซึ่งเป็นการดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ทั้งหมดในหน้าเพจนั้น
หลังจากที่คลิกเลือกคำสั่งดังกล่าวแล้ว จะปรากฏหน้าจอ Download All Links with IDM ขึ้นมาดังรูป
หากคุณต้องการดาวน์โหลดแค่บางไฟล์ ก็ให้ทำเครื่องหมายหน้าบรรทัดที่แสดงชื่อไฟล์ที่คุณต้องการดาวน์โหลด แต่หากต้องการดาวน์โหลดทั้งหมด ให้คลิกที่ปุ่ม Check All หรือหากต้องการกำหนดประเภทของไฟล์ และโฟลเดอร์ที่จะใช้จัดเก็บไฟล์ใหม่ ก็ให้คลิกที่ All files to one category และ All files to one directory ตามลำดับ และกำหนดประเภทและโฟลเดอร์ตามที่คุณต้องการเข้าไป
จากนั้นให้คุณเปิดหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ขึ้นมา คุณจะพบกับไฟล์ที่คุณเลือกดาวน์โหลดปรากฏเป็นคิว (Queue) งานในลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ให้คุณคลิกที่ปุ่ม Scheduler เพื่อตั้งเวลาการดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว
ในหน้าจอ Scheduler ให้คุณกำหนดเวลา และวันที่ที่จะดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Start now
ซึ่งคุณจะพบกับหน้าจอหลักของโปรแกรม ดังรูป
1. Add URL -- เป็นปุ่มที่ใช้ป้อนตำแหน่งของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด หรือก็คือ URL ของโปรแกรมนั้นๆ เช่น http://www.carabao.net/webboard/tsunami.mp3 หรือ http://www.registryfix.com/registryfix.exe
2. Resume -- เป็นปุ่มที่ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ ซึ่งอาจจะเกิดจากเน็ทหลุด หรือไฟดับ ทำให้การดาวน์โหลดขาดช่วง คุณก็สามารถใช้ปุ่มนี้ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ต่อเนื่องจากจุดที่ขาดช่วงได้ เมื่อคุณต่อเข้ามาในเน็ทอีกครั้งหนึ่ง
* ความสามารถในการดาวน์โหลดต่อเนื่องหรือ Resume นั้น ขึ้นอยู่กับ Server ที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ด้วยว่ายินยอมหรือรองรับการดาวน์โหลดแบบต่อเนื่องหรือไม่ หากไม่รองรับ คุณจำเป็นต้องเริ่มดาวน์โหลดใหม่ทั้งหมด
3. Stop -- เป็นปุ่มที่ใช้หยุดการดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งหาก Server ที่คุณดาวน์โหลดไฟล์ รองรับการดาวน์โหลดไฟล์แบบต่อเนื่อง (Resume) คุณก็สามารถหยุดการดาวน์โหลดเพื่อไปทำธุระ และกลับมาดาวน์โหลดต่อเมื่อมีเวลา
4. Stop All -- ทำงานเหมือนกับปุ่ม Stop แต่ใช้ในกรณีที่ต้องการหยุดการดาวน์โหลดไฟล์ ที่กำลังดาวน์โหลดอยู่ ณ ขณะนั้นทั้งหมด
5. Delete -- เป็นปุ่มที่ใช้ลบรายการจากในลิสต์ดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM (จะได้กล่าวถึงในข้อ 13.) การลบไฟล์ดังกล่าวนี้ เป็นเพียงการลบรายการจากในลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เท่านั้น ไม่มีผลกระทบหรือไม่ได้ลบไฟล์ที่เราได้ดาวน์โหลดมาแล้ว
6. Delete Completed Files -- ทำงานเหมือนกับปุ่ม Delete แต่เป็นการลบรายการจากในลิสต์ดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ซึ่งดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ที่มีสถานะเป็น Complete ซึ่งจะแสดงอยู่ในลิสต์รายการดาวน์โหลด ที่จะได้กล่าวถึงในข้อ 13.) ออกไปในคราวเดียวกัน
7. Options -- ปุ่มที่ใช้ปรับแต่งการทำงานของโปรแกรม IDM (จะได้กล่าวถึงโดยละเอียดต่อไป)
8. Scheduler -- ปุ่มกำหนดตารางเวลาที่จะใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่ยังอยู่ในคิว (Queue) ที่แสดงในหน้าต่างลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เช่น เมื่อคุณพบไฟล์ที่ต้องการจะดาวน์โหลด คุณอาจจะไม่ได้ทำการดาวน์โหลดในทันที (ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม)
9. Start Queue -- ปุ่มที่สั่งให้โปรแกรม IDM ดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว (Queue) ซึ่งยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ
10. Stop Queue -- ปุ่มที่สั่งให้โปรแกรม IDM หยุดการดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว (Queue)
11. Tell a Friend -- ปุ่มที่ใช้เรียกโปรแกรม E-Mail จากในเครื่องของคุณ เพื่อแนะนำโปรแกรม IDM ให้กับเพื่อนของคุณทราบ
12. Categories -- การแบ่งประเภทของไฟล์ที่อยู่ในลิสต์รายการดาวน์โหลด เช่น ไฟล์ที่โปรแกรม IDM ทำการดาวน์โหลดทั้งหมด (All Downloads) , รายชื่อไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ (Unfinished) , รายชื่อไฟล์ที่ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว (Finished) นอกจากนี้ ในส่วนของรายชื่อไฟล์ที่ถูกดาวน์โหลดทั้งหมด ยังได้รับการแยกประเภทเป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัด (Compressed) ไฟล์เอกสาร (Documents) ไฟล์เสียง (Music) ไฟล์โปรแกรม (Programs) ไฟล์วีดีโอ (Video) เพื่อให้คุณสะดวกต่อการตัดสินใจดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับไฟล์แต่ละประเภทต่อไป
13. ลิสต์รายการดาวน์โหลด เป็นส่วนที่ใช้แสดงรายการไฟล์ที่ถูกดาวน์โหลดโดยโปรแกรม IDM ทั้งที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และยังไม่เรียบร้อย รวมทั้งไฟล์อยู่ในคิว
- File Name ชื่อไฟล์ที่ดาวน์โหลด
- Q หากไฟล์อยู่ในคิว (Queue) ที่จะถูกดาวน์โหลด (ไฟล์ที่ยังดาวน์โหลดไม่สมบูรณ์) จะปรากฏเป็นเครื่องหมาย +
- Size ขนาดของไฟล์ที่จะดาวน์โหลด
- Status สถานะของการดาวน์โหลด หากโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะขึ้นเป็นคำว่า Complete แต่หากยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของส่วนที่ดาวน์โหลดมาแล้ว
- Time-left ระยะเวลาที่คาดว่าจะดาวน์โหลดไฟล์เสร็จ (โดยประมาณ)
- Transfer rate อัตราความเร็วในการดาวน์โหลด
- Last Try … หากมีการดาวน์โหลดไฟล์ใดไฟล์หนึ่งมากกว่า 1 ครั้ง ในช่องนี้จะแสดงเป็นวันที่และเวลาในการดาวน์โหลดครั้งล่าสุด
- Description รายละเอียดของไฟล์ที่ดาวน์โหลด เช่น หากเป็นไฟล์ Mp3 ก็จะแสดงอัตราบิทเรท , ความยาวของเพลง
วิธีการดาวน์โหลดไฟล์โดยโปรแกรม IDM
การดาวน์โหลดไฟล์ในโปรแกรม IDM สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
1. เข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Add URL (ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น) ซึ่งจะปรากฏหน้าจอให้คุณป้อน URL ของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด เช่น http://www.carabao.net/webboard/tsunami.mp3 หรือ http://www.registryfix.com/registryfix.exe
2. เมื่อคุณเจอลิ้งค์ของไฟล์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลด คุณสามารถคลิกขวาที่ลิ้งค์นั้น แล้วเลือก Download with IDM ดังรูป
3. การดาวน์โหลดโดยใช้รถเข็นดาวน์โหลด ของโปรแกรม IDM การดาวน์โหลดด้วยวิธีนี้ ก่อนอื่นคุณต้องเปิดใช้งานระบบรถเข็นดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ก่อน โดยเข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM คลิกที่เมนู URL จากนั้นทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Show drop target
ซึ่งเมื่อคุณเจอลิ้งค์โปรแกรมที่คุณต้องการดาวน์โหลด ก็เพียงแค่ใช้เมาส์ลากลิ้งค์ดังกล่าว มาไว้ที่รถเข็นดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM (ดังที่แสดงในรูป) ที่จะแสดงอยู่ที่มุมล่างขวามือของหน้าจอ (คุณสามารถลากมันไปไว้ในตำแหน่งที่คุณต้องการได้)
4. การดาวน์โหลดโดยใช้คำสั่งก๊อปปี้ URL ที่เป็นข้อความ (ไม่ใช่ลิ้งค์) ซึ่งวิธีนี้จะมีประโยชน์เวลาที่คุณพบ URL ของไฟล์ที่ต้องการจะดาวน์โหลด เช่น http://www.registryfix.com/registryfix.exe แต่ทางคนที่บอก URL ไว้ไม่ได้ทำเป็นลิ้งค์ให้คุณคลิกเพื่อดาวน์โหลดได้ทันที คุณก็สามารถดาวน์โหลดได้จากโปรแกรม IDM ได้ด้วยวิธีง่ายๆ
แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าไปกำหนดให้ใช้ความสามารถนี้จากหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM (กำหนดเพียงครั้งเดียว) โดยคลิกที่เมนู Downloads เลือก Options
ในแท็บ General ให้คุณทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Automatically start downloading of URLs placed to clipboard
จากนั้นเมื่อคุณเจอลิ้งค์ดาวน์โหลดโปรแกรมที่เป็น URL แต่ทางคนที่บอก URL ไว้ อาจจะไม่ได้ทำลิ้งค์ให้ คุณก็เพียงแค่ลากเมาส์ทำไฮไลท์คลุมข้อความ URL ดังกล่าวไว้ จากนั้นเลือกคำสั่ง Copy ดังรูป
โปรแกรม IDM ก็จะขึ้นหน้าจอให้ยืนยันการดาวน์โหลด ดังรูป
ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกดาวน์โหลดด้วยวิธีการใดก็ตาม หน้าจอที่แสดงการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ก็จะแสดงผลขึ้นมาเหมือนๆ กัน ดังรูป
ในหน้าจอที่ปรากฏขึ้นมานี้ จะแสดง URL ของไฟล์ที่คุณกำลังจะดาวน์โหลด , โฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บไฟล์ที่ดาวน์โหลด (คุณสามารถคลิกปุ่ม Browse เพื่อเลือกโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บได้)
หากคุณไม่ต้องการดาวน์โหลด ณ ขณะนั้น คุณสามรถคลิกที่ปุ่ม Download Later เพื่อเก็บไฟล์ดังกล่าวเข้าคิว (Queue) ไปทำการดาวน์โหลดเมื่อคุณมีเวลาสะดวก (คุณสามารถตั้งเวลาดาวน์โหลด ในช่วงเวลาที่คุณต้องการได้จากปุ่ม Scheduler ในหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น)
แต่หากคุณต้องการเริ่มการดาวน์โหลดทันที ให้คุณคลิกที่ปุ่ม Start Download เพื่อเริ่มการดาวน์โหลดไฟล์ในทันที ซึ่งจะปรากฏหน้าจอแสดงการดาวน์โหลดขึ้นมาดังรูป
ในหน้าจอที่แสดงการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM นี้ จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดาวน์โหลดไฟล์ๆ นั้น เช่น ขนาดของไฟล์ จำนวนข้อมูลที่ดาวน์โหลดได้แล้ว ความเร็วในการดาวน์โหลด เวลาที่คาดว่าจะเสร็จ ซึ่งได้กล่าวถึงไปแล้ว ในข้อ 13. ที่อธิบายความหมายของแต่ละส่วนในหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM
มีจุดสังเกตที่ควรจะกล่าวถึงเพิ่มเติมเพียงจุดเดียว คือ ในบรรทัด Resume Capability ซึ่งจะบอกข้อมูลให้คุณทราบว่า คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวนี้ต่อเนื่องในภายหลังได้หรือไม่ (Yes/No) หากการดาวน์โหลดเกิดหยุดชะงักด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม
ซึ่งหากลิ้งค์โปรแกรมที่คุณต้องการจะดาวน์โหลดไฟล์นี้ มีมากกว่า 1 ลิ้งค์ และไฟล์ที่จะดาวน์โหลดมีขนาดใหญ่ คุณอาจจะเลือกลิ้งค์ที่มีความสามารถในการดาวน์โหลดต่อเนื่องในภายหลังได้ เพื่อหากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้การดาวน์โหลดต้องหยุดชะงักลง คุณจะได้สามารถกลับมาดาวน์โหลดต่อได้ในภายหลัง
ปรับแต่งการทำงานของโปรแกรม IDM ให้ตรงกับความต้องการ
โดยให้คุณเปิดหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ขึ้นมา จากนั้นคลิกไปที่เมนู Downloads >> Options ดังรูป
1. การกำหนดค่าในแท็บ General
ในส่วนที่ 1
- Launch Internet Download Manager on startup -- กำหนดให้เปิดใช้งานโปรแกรม IDM ทุกครั้งที่เริ่มใช้ Windows หรือไม่
- Automatically start downloading of URLs placed to clipboard -- กำหนดให้เมื่อมีการก๊อปปี้ข้อความใดๆ ที่ตรงกับชนิดของไฟล์ที่จะดาวน์โหลดด้วยโปรแกรม IDM ให้มีหน้าจอขึ้นมาให้ยืนยันการดาวน์โหลด (ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ในหัวข้อวิธีการดาวน์โหลดไฟล์โดยโปรแกรม IDM
- Use advanced browser integration -- ให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมกับเว็บบราวเซอร์ตามที่ระบุไว้ในกรอบด้านล่างของบรรทัดนี้ (จะได้กล่าวถึงในส่วนที่ 2) ซึ่งจะอำนวยความสะดวก เมื่อคุณมีการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บบราวเซอร์ที่ถูกระบุไว้นี้ โปรแกรม IDM จะทำงานแทนระบบดาวน์โหลดของตัวเว็บบราวเซอร์ในทันทีที่มีการดาวน์โหลดเกิดขึ้น
ในส่วนที่ 2
ชื่อโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่จะกำหนดให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมด้วย ในเบื้องต้นที่กำหนดไว้ คือ IE , Mozilla, Netscape, Opera แต่หากคุณต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ (ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะโปรแกรมประเภทบราวเซอร์เท่านั้น) เช่น เมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ด้วยโปรแกรม WS_FTP คุณอาจจะต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงานในส่วนนี้แทน ก็ให้คุณทำเครื่องหมายหน้าบรรทัด Detect new applications that try to download files from the internet
ในส่วนที่ 3
กำหนดชนิดของไฟล์ที่จะให้โปรแกรม IDM ดาวน์โหลด ซึ่งค่าปกติที่โปรแกรม IDM เตรียมมาให้ก็มีอยู่พอสมควรแล้ว เช่น หากคุณต้องการให้โปรแกรม IDM ทำงาน เมื่อมีดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร (ที่มีนามสกุลเป็น .doc) คุณก็เพียงแค่เพิ่มคำว่า DOC ให้ต่อท้ายจากชนิดของไฟล์ตัวสุดท้ายโดยวรรคจากตัวก่อนหน้านั้น 1 วรรค (จากรูปชนิดของไฟล์ตัวสุดท้ายคือ PDF)
ในส่วนที่ 4
กำหนดรายชื่อเว็บที่คุณไม่ต้องการให้โปรแกรม IDM เป็นตัวดาวน์โหลด จากตัวอย่างในรูป เป็นเว็บอัพเดทระบบปฏิบัติการวินโดว์ (คุณสามารถใช้เครื่องหมาย * เพื่อกำหนดค่า URL เป็นช่วงกว้างๆ ได้)
2. การกำหนดค่าในแท็บ Connection
ในแท็บ Connection นี้ จะให้คุณกำหนดชนิดของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทที่คุณใช้งานอยู่ (Connection Type/Speed) เช่น Dial-up , ADSL ในแต่ละความเร็ว ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้โปรแกรม IDM สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
มีจุดกำหนดค่าที่สำคัญอยู่ 2 จุดที่ควรจะกล่าวถึง คือ Max. connections number ซึ่งเป็นการกำหนดคอนเน็คชั่นในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่เรากำหนดจะดาวน์โหลดไฟล์ (เหมือนกับการช่วยกันดาวน์โหลดไฟล์ๆ เดียวจากหลายๆ เครื่อง) โดยยิ่งเรากำหนดจำนวนคอนเน็คชั่นมาก ก็จะทำให้เราดาวน์โหลดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเพิ่มจำนวนคอนเน็คชั่นในการดาวน์โหลดมากเกินไป ก็จะสร้างภาระให้กับเซิร์ฟเวอร์ที่เราทำการดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ดูแลระบบหาทางป้องกันหรือจำกัดการดาวน์โหลดในครั้งต่อๆ ไป ดังนั้นค่าปกติที่ควรจะกำหนดไว้สำหรับ Max. connections number นั้น ไม่ควรจะเกิน 4
แต่หากคุณต้องการเพิ่มหรือลดจำนวนคอนเน็คชั่น โดยขึ้นอยู่กับเซิรฟ์เวอร์หรือเว็บไซท์ว่ามีความสามารถในการรองรับการแชร์ไฟล์หรือโปรแกรมได้มากน้อยเพียงใด คุณสามารถคลิกที่ปุ่ม New ภายใต้ส่วน Exceptions: ซึ่งจะทำให้คุณสามารถกำหนดค่า Max connections สำหรับแต่ละเว็บไซท์ที่คุณต้องการจะดาวน์โหลดไฟล์ได้
3. การกำหนดค่าในแท็บ Downloads
ในส่วนที่ 1
กำหนดโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์แต่ละประเภท โปรแกรม IDM จะแบ่งประเภทไฟล์ออกเป็น 6 หมวดหลักๆ คือ
ไฟล์ทั่วไป (General) , ไฟล์ที่ถูกบีบอัด (Compressed) ไฟล์เอกสาร (Documents) ไฟล์เสียง (Music) ไฟล์โปรแกรม (Programs) ไฟล์วีดีโอ (Video) ซึ่งวิธีการกำหนดโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บสำหรับไฟล์แต่ละประเภท ให้คุณคลิกเลือกหมวดในบรรทัด Category ก่อน จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Browse เพื่อเลือกโฟลเดอร์ และปฏิบัติด้วยขั้นตอนเช่นนี้ซ้ำๆ กัน จนครบทุกประเภทของไฟล์
สำหรับในบรรทัด Remember last save path for “General” category จะเป็นการกำหนดให้โปรแกรม IDM จำค่าโฟลเดอร์ที่บันทึกไฟล์ที่ดาวน์โหลดสำหรับไฟล์ประเภททั่วไปครั้งสุดท้ายเอาไว้ เช่น หากคุณกำหนดโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์ทั่วไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\GENERAL แต่ตอนที่คุณทำการดาวน์โหลดด้วยโปแกรม IDM คุณทำการเปลี่ยนโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บไฟล์ที่อยู่ในประเภททั่วไปนี้ ไปไว้ที่โฟลเดอร์อื่น เช่น C:\TEMP โปรแกรม IDM จะจำค่าโฟลเดอร์ที่เปลี่ยนไปนั้นไว้ด้วย ซึ่งเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่กลุ่มประเภททั่วไปนี้อีก โปรแกรม IDM ก็จะแสดงโฟลเดอร์ที่จะใช้จัดเก็บขึ้นมาให้เป็น C:\TEMP แทน C:\GENERAL ที่เคยกำหนดไว้
ในส่วนที่ 2
จะเป็นการกำหนดการแสดงผลหน้าจอการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM เช่น ให้แสดงเป็นแบบ Normal หรือ Minimize นอกจากนั้นคุณยังสามารถกำหนดให้แสดงหรือไม่แสดงหน้าจอเริ่มต้นการดาวน์โหลด (Show start download dialog) และหน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จ (Show download complete dialog)
หน้าจอเริ่มต้นการดาวน์โหลด
หน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จ
ซึ่งหากคุณมักจะดาวน์โหลดไฟล์เป็นจำนวนมากพร้อมๆ กันหลายๆ ไฟล์ คุณอาจจะกำหนดไม่ให้แสดงหน้าจอหลังการดาวน์โหลดเสร็จขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกะกะที่หน้าจอ หรือต้องคอยปิดหน้าจอเหล่านั้นทิ้งไป
ในส่วนที่ 3
คุณสามารถเลือกโปรแกรมสแกนไวรัสที่จะใช้ตรวจสอบไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดผ่านโปรแกรม IDM ได้จากการคลิกเลือกโปรแกรมในบรรทัด Virus scanner program จากนั้นใส่พารามิเตอร์ที่จะใช้ในการสแกนไฟล์ไว้ในบรรทัด Command line parameters
กำหนดรูปแบบการแสดงผลทั่วไปของโปรแกรม IDM
ให้คุณคลิกที่เมนู View คุณจะพบกับเมนูต่างๆ ที่ใช้ปรับรูปแบบการแสดงผลของโปรแกรม IDM ดังรูป
1. Hide categories -- ให้ซ่อนหรือแสดงหน้าต่างแยกประเภทไฟล์ที่ดาวน์โหลด ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM นี้
2. Arrange files -- เลือกรูปแบบการจัดเรียงไฟล์ในลิสต์รายการดาวน์โหลดโปรแกรม เช่น เรียงตามชื่อ , เรียงตามลำดับการดาวน์โหลด ฯลฯ
3. Toolbar -- เลือกรูปแบบการแสดงทูลบาร์ (Toolbar) ที่เป็นปุ่ม Add URL, Resume, Stop, Stop All ว่าจะแสดงเป็นไอคอนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ รวมทั้งให้แสดงผลแบบธรรมดาหรือสามมิติ (3D)
4. Customize URL List -- ปรับแต่งการแสดงผลในหน้าต่างลิสต์รายการดาวน์โหลด เช่น จะให้ซ่อนหรือแสดง คอลัมน์ใด (File Name, Q, Size, Status) หรือจะจัดให้คอลัมน์ใดอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง
5. Language -- เลือกภาษาที่จะใช้แสดงผลในโปรแกรม IDM (โปรแกรม IDM รองรับการแสดงผลภาษาไทย)
การอัพเดทโปรแกรม IDM แบบออนไลน์
คุณสามารถตรวจสอบและสั่งให้โปรแกรม IDM ทำการอัพเดทโปรแกรมให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ได้จากเมนู Help >> Quick Update จากหน้าจอหลักของโปรแกรม
ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปแล้ว คุณจะพบกับหน้าต่างที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรม IDM เวอร์ชั่นล่าสุดที่ทางเว็บผู้พัฒนาโปรแกรม IDM เปิดให้อัพเดท หากคุณต้องการอัพเดท ก็เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม Update now
* ถ้าคุณไม่ได้ใช้โปรแกรมลิขสิทธิ์ อาจจะหลีกเลี่ยงการอัพเดทโปรแกรมโดยวิธีนี้ เพราะทางผู้พัฒนาโปรแกรมอาจจะมีการตรวจสอบลิขสิทธ์ของโปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่ ผ่านช่องทางการอัพเดทโปรแกรมนี้
เทคนิคอื่นๆ
- ค้นหาและเปิดไฟล์
หากคุณจำโฟลเดอร์ที่คุณใช้เก็บโปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาจากเน็ทไม่ได้ แต่คุณใช้โปรแกรม IDM ในการดาวน์โหลดทุกครั้ง คุณสามารถเข้าไปที่หน้าจอหลักของโปรแกรม IDM จากนั้นเลือกประเภทของไฟล์ที่คุณต้องการค้นหาจาก Categories ทางด้านซ้ายของหน้าจอ และเลื่อนหาโปรแกรมที่คุณต้องการ จากนั้นสามารถสั่งให้เปิดไฟล์หรือสั่งให้ไฟล์โปรแกรมนั้นๆ ทำงานผ่านทางโปรแกรม IDM ได้ทันที (ดังแสดงในรูป)
- การดาวน์โหลดไฟล์จำนวนมาก ในคราวเดียวกัน
เมื่อคุณเข้าไปในหน้าจอซึ่งมีลิ้งค์ไฟล์หรือโปรแกรมที่คุณต้องการดาวน์โหลดอยู่เป็นจำนวนมาก คุณสามารถใช้การคลิกขวาที่หน้าจอนั้น และเลือกคำสั่ง Download All Links with IDM ดังในรูป ซึ่งเป็นการดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ทั้งหมดในหน้าเพจนั้น
หลังจากที่คลิกเลือกคำสั่งดังกล่าวแล้ว จะปรากฏหน้าจอ Download All Links with IDM ขึ้นมาดังรูป
หากคุณต้องการดาวน์โหลดแค่บางไฟล์ ก็ให้ทำเครื่องหมายหน้าบรรทัดที่แสดงชื่อไฟล์ที่คุณต้องการดาวน์โหลด แต่หากต้องการดาวน์โหลดทั้งหมด ให้คลิกที่ปุ่ม Check All หรือหากต้องการกำหนดประเภทของไฟล์ และโฟลเดอร์ที่จะใช้จัดเก็บไฟล์ใหม่ ก็ให้คลิกที่ All files to one category และ All files to one directory ตามลำดับ และกำหนดประเภทและโฟลเดอร์ตามที่คุณต้องการเข้าไป
จากนั้นให้คุณเปิดหน้าจอหลักของโปรแกรม IDM ขึ้นมา คุณจะพบกับไฟล์ที่คุณเลือกดาวน์โหลดปรากฏเป็นคิว (Queue) งานในลิสต์รายการดาวน์โหลดของโปรแกรม IDM ให้คุณคลิกที่ปุ่ม Scheduler เพื่อตั้งเวลาการดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว
ในหน้าจอ Scheduler ให้คุณกำหนดเวลา และวันที่ที่จะดาวน์โหลดไฟล์ที่อยู่ในคิว เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Start now
3.4 การอัพเดส แบบออพไลน์
1. เปิดโปรแกรม n32upgen ถ้า nod v.2 หรือ N32UPGenV3x-EN ถ้าเป็น nod v.3ตัวอย่างโปรแกรม Nod 32 V.3
ตัวอย่างโปรแกรม Nod 32 V.2
2. เลือกโฟล์เดอร์ที่จะให้เก็บไฟล์ แนะนำให้ใช้ Handy drive สร้างโฟลเดอร์เก็บ
3. กดปุ่มเริ่มโปรแกรม เสร็จแล้วจะได้ไฟล์ดังรูป
4.ไปที่โปรแกรม Nod 32
4.1 ถ้าเป็น Nod32 V.3
1.) เปิดโปรแกรม แล้วไปที่ setup กดเลือกที่ Enter entire Advanced setup
2.) ไปที่ Update แล้วกดที่ Edit....
3.) ใส่ที่อยู่ไฟล์ที่เราเก็บ
4.) กด OK แล้วก็ทำการ Update ได้เลยจ้า
4.2 ถ้าเป็น Nod32 V.2
1.) เปิดโปรแกรม Start > Programs > Eset > NOD32 Control Center เลือกหัวข้อ Update > Setup เพื่อตั้งค่าต่อไป
2.) กำหนดค่าให้กับเซิร์ฟเวอร์ในการอัพเดทใหม่เพิ่มเติมครับ คลิกเลยที่ Servers... เพื่อกำหนดดังภาพถัดไป
3.) คลิกที่ปุ่ม Add... ระบุพาธที่เก็บไฟล์อัพเดทจาก Handy drive ในตัวอย่างเป็นไดรว์ G:\NOD32Update แล้วคลิกปุ่ม OK และ OK
4.) คราวนี้ก็ต้องไปกำหนดให้เลือก Server เป็นไดรว์ G:\NOD32Update เพื่อทำการอัพเดทให้ทันใจกันเลยดังภาพ
5.) จากนั้นก็คลิกที่ Update now เพื่ออัพเดทได้ทันทีเลย
แหล่งแจกรหัสผ่าน กรณี รหัสผ่านเดิมหมดอายุ
1.2 จะมีหน้าเปลี่ยนรหัสผ่าน ให้ใส่ข้อมูลเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน เมื่อป้อนข้อมูลเรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม Submit
1.3 ดูว่ามีข้อความแจ้งว่าเปลี่ยนรหัสผ่านสำเร็จหรือไม่ หากข้อความแจ้งข้อผิดพลาดแสดงว่ายังเปลี่ยนรหัสผ่านไม่สำเร็จ
2. ติดต่อสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยต้องมาติดต่อด้วยตนเองพร้อมแสดงบัตรประจำตัว สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศจะ ไม่ เปลี่ยนรหัสผ่านให้ถ้าเจ้าของไม่มาติดต่อด้วยตนเอง (ควรใช้วิธีนี้เมื่อลืมรหัสผ่านหรือเปลี่ยนรหัสผ่านเองไม่ได้เท่านั้น)
ข้อควรรู้ทั่วไปเกี่ยวกับรหัสผ่าน
1. ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านเมื่อรหัสผ่านหมดอายุ
2. รหัสผ่านมีอายุ 6 เดือนนับจากวันที่เปลี่ยนรหัสผ่านครั้งสุดท้าย ถ้ารหัสผ่านหมดอายุจะใช้บริการต่าง ๆ ไม่ได้
3. จะมีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เตือนเรื่องรหัสผ่านหมดอายุล่วงหน้า 40 วันก่อนวันหมดอายุ และจะเตือนซ้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้งจนกว่ารหัสผ่านจะหมดอายุ
4. จะใช้รหัสผ่านเก่าไม่ได้จนกว่าจะเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ครบ 5 ครั้ง
5. จะเปลี่ยนรหัสผ่านไม่ได้ถ้ารหัสผ่านเดิมมีอายุน้อยกว่า 7 วัน
6. เปลี่ยนรหัสผ่านได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมาติดต่อที่สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ http://www.it.chula.ac.th ภายใต้หัวข้อ บริการ
7. ติดต่อสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อจำรหัสผ่านไม่ได้เท่านั้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับรหัสผ่าน สำหรับนิสิต
1. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทุกครั้งที่ลงทะเบียนเรียน
- ถ้ารหัสผ่านหมดอายุ จะใช้บริการต่าง ๆ ไม่ได้ เช่น ลงทะเบียนไม่ได้ หรือติดต่อกับ CUNET ผ่านโมเด็มไม่ได้