วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555


อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Input  หมายถึง  การป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการประมวลผล  โดย  User  จะเป็นผู้ป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่อง (input) และเครื่องจะนำไปประมวลผลเป็นข่าวสาร   ซึ่งอุปกรณ์ในการนำเข้าข้อมูลมาตรฐาน ได้แก่   Mouse,  Keyboard   และ  Scanner
 Keyboard  จะสร้างสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์และแปลงเป็นตัวอักษรคล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีด  ซึ่ง Keyboard  จัดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่อง   ในแต่ละอุตสาหกรรมอาจมี  Keboard   ที่มีลักษณะเฉพาะเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน
ลักษณะการทำงานของ Keyboard 
ใช้  Keyboard controller   เป็นตัวรับข้อมูลว่าปุ่มใด (Key)  ถูกกด  และจะทำการแปลงค่าสัญญาณเพื่อส่งต่อไปยังส่วนหนึ่งใน Keyboard  buffer  เพื่อบันทึกว่า Key ใดถูกกด  และ Keyboard controller  จะส่ง Interrupt  Request ไปยัง  System  Software ให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ Keyboard  ซึ่ง Keyboard ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน มีทั้ง Keyboard  แบบปกติที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป  และ Keyboard  แบบพิเศษ ที่มีรูปทรงที่แปลกตา
Ergonomic keyboards 
ถูกออกแบบให้ลดการตึง   เกร็ง  การเคล็ดของข้อมือซึ่งอาจทำให้เกิด 
อันตรายได้หากคุณต้องพิมพ์งานเป็นเวลานาน ๆ  โดย Ergonomic keyboards    
ถูกออกแบบให้มีตำแหน่งการวางข้อมือและแขนเป็นพิเศษ
Mouse   ใช้ในการเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ (Pointer) บนหน้าจอ โดยการขยับ Mouse เลื่อนไปมาบนโต๊ะที่มีพื้นเรียบ    ซึ่งการขยับ Mouse แต่ละครั้งจะสัมพันธ์กับตำแหน่งของ Pointer บนหน้าจอ และรับคำสั่งเมื่อมีการกดปุ่มของ Mouse (click)  ซึ่งคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Mouse มี 4 คำด้วยกันคือ
-                    Click
-                    Double Click
            -                    Right Clic   
        -                    Drag and  Drop
ประเภทของ Mouse
Mechanical  mouse: ใช้ลูกบอลเล็ก ๆ ในการกลิ้ง-หมุน ซึ่งลูกบอลจะอยู่ใต้ mouse
Optical  mouse : ใช้ลำแสงควบคุมการเคลื่อนที่ของ  mouse
Cordless  mouse : เม้าส์ไร้สาย  ใช้เคเบิลส่งคลื่นแสง  infrared หรือคลื่นวิทยุ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

การทำงานของ Muse

 มี 2 แกน วางอยู่เป็นมุมฉากข้างลูกบอล  ซึ่งแกนดังกล่าวจะเป็นแกนหมุนสัมผัสกับลูกบอลและจะหมุนเมื่อลูกบอลเคลื่อนที่   ตัวดักสัญญาณจะส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ทราบว่าแกนหมุน  หมุนไปมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้คอมพิวเตอร์แปลงสัญญาณและเลื่อนตำแหน่งให้สอดคล้องกับ Mouse 

Mouse จัดเป็นอุปกรณ์ประเภทตัวชี้  ซึ่งอุปกรณ์ประเภทตัวชี้นี้ ไม่ได้มีเฉพาะ Mouse เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอุปกรณ์ ตัวชี้ชนิดอื่นด้วย  ที่มีหน้าที่การทำงานเช่นเดียวกับ Mouse แต่รูปทรงและลักษณะนั้นแตกต่างออกไป  เช่น  อุปกรณ์ที่ใช้เล่นเกม  อุปกรณ์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ Laptop หรือ Notebook  

Trackball 

มีลักษณะคล้ายกับ mouse แต่ไม่มีแกนบังคับ   ใช้การหมุนลูกบอลในกา  ทำงาน  ส่วนมากใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์  Laptop   ทำงานโดยการหมุนลูกบอล โดยตรง เพื่อให้ Cursor เลื่อนไปยังตำแหน่งที่ ต้องการJoystickมีด้ามสั้น ๆ ให้จับ   ควบคุมการเคลื่อนที่ของ pointer  โดยใช้การกดไกปืนเพื่อทำงาน

Touchpadมีรูปทรง เหลี่ยม ใช้การกดและรับความไวของการเคาะ    มีเสียงในการกดเคาะ ดังแปะ ๆ (เหมือนการ Click)  สามารถเลื่อน  pointer ได้โดยการลูบในพื้นที่ 4 เหลี่ยม    การเลื่อน Cursor จะอาศัยนิ้วมือกดและเลื่อน  เป็นอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับ Notebook

Pointing stickเป็นลูกทรงกลมเล็ก ๆ ไวต่อการกด  วางอยู่กึ่งกลาง keyboard  ใช้การหมุนเพื่อควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของ pointer

Graphics tabletใช้ปากกาควบคุมการย้ายตำแหน่ง  วางอยู่บนกระดาน (Board)  ส่วนมากใช้สร้างแผนงานหรือวาดบทย่อ  หรือบทสรุปต่าง ๆ

Digitizer
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเขียนแบบ ที่เราเรียกว่า “Digitizing tablet” ขนาดของตารางจะแตกต่างกัน   ตารางจะมีการเชื่อมต่อสายเคเบิลเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้มีการวาดภาพบนตาราง ตัวชี้บนตารางเราเรียกว่า Grid เพื่อกําหนดตําแหน่งในการป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์
 Touch  screen จอสัมผัส  เป็นได้ทั้งอุปกรณ์ Input และ Output  ใช้นิ้วมือสัมผัสบนหน้าจอ จากนั้นจอภาพจะพิจารณากลุ่มข้อมูลที่ Input  เข้าสู่ระบบ  ส่วนมากใช้ในสถานที่ใหญ่ ๆ ที่มีคนจำนวนมาก  ๆ  เช่น  นำตู้ ATM แบบ  Touch  screen  ไปวางในห้างสรรพสินค้า 
การทำงานของ   Touch  screen  จะใช้  Membrane layer ทำหน้าที่ตรวจสอบการถูกกดบนตำแหน่งหน้าจอ  โดยแต่ละแผ่นจะแยกการตรวจสอบตามแกน x,y  โดยมีการใช้สายไฟ 4 เส้น  layer ละ เส้น เมื่อมีการกดหน้าจอทั้ง  2  layer จะทำการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปให้ Controller            
 Pen-based computing 
ใช้ปากกาแสง (Light Pen) ในการนำเข้าข้อมูล   พบในเครื่อง PDA  และ Pocket  PC  
การทำงาน  สามารถรับข้อมูลโดยการใช้ปากกาอิเล็กทรอนิกส์เขียนลงบนหน้าจอของ  PDA หรือ Pocket  PC  ซึ่ง หน้าจอถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์นี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวโดยใช้ความไวแสงเพื่อกําหนดตําแหน่งที่ชี้บนจอภาพ    บอกได้ว่ากำลังเขียนตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ใด สามารถอ่านลายเซ็นได้
 Scanner ใช้ในการอ่านอักขณะพิเศษ   ตัวเลข   และสัญลัษณ์ต่าง ๆ

                Flatbed  scanner :  จะ scan  ครั้งละ 1 หน้า  สามารถ scan เอกสารขนาดใหญ่ได้Sheetfed  scanner : จะดึงกระดาษเขาไป scan   ต้องกลับด้านของกระดาษ 

Laser scaner : ปัจจุบันมีหลากหลายชนิดให้เลือก รวมทั้งเครื่อง Scan  แบบสั่น  โดยส่วนมากแล้วหากใช้งาน ณ.จุดขายหน้าร้าน (POS: Point of Sale)  ก็จะต้องมีอุปกรณ์อื่นที่ต้องใช้ร่วมกัน  เช่น เครื่องออกใบเสร็จ (Receipt printer)  เครื่อง print bar code  (Bar code printer)     จอคอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมด้วยจะมีขนาดเล็ก (9” VGA MONO  หรือ 10” COLOR MONITOR)   keyboad  ที่ใช้ก็จะมีเฉพาะตัวเลข (Numeric keyboard)  รวมทั้งต้องใช้เครื่องช่างน้ำหนัก   ป้ายแสดงจำนวนเงิน  เครื่องลงเวลา (Access Control and Time)  ลิ้นชักควบคุม(Cash Drawer)  เครื่องรูดบัตรชนิดต่าง ๆ  เป็นต้น

 Bar Codes   Readers เครื่องอ่านรหัสบาร์โค๊ด (Bar Code Readers)  เป็นอุปกรณ์ที่นํามาใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ในการประยุกต์ใช้งานทางด้านธุรกิจ  เช่น  อ่านป้ายบอกราคาสินค้า เพื่อสะดวกในการคำนวณจำนวนเงิน และสามารถป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากการบันทึกข้อมูลของผู้ใช้  รหัส Bar code ที่ใช้ในทางธุรกิจ เราเรียกว่า Universal Product Code (UPC)  โดยจะมีขีดสัญลักษณ์ในแนวตั้งขีดเรียงกัน (Bar code)   สัญลักษณ์นั้นแทนด้วยแถบสีขาวและดำที่มีความกว้างแทนค่าเป็น 1  และแคบแทนค่าเป็น   0  การอ่านข้อมูลนั้นพื้นที่ภายในแถบและช่องว่างจะทำให้เกิดความแตกต่างของการสะท้อนกลับ        

ประเภทของเครื่องอ่าน Bar Code    Hand  held  scaner  :  การใช้งานนั้นจะลากอุปกรณ์ผ่านรหัส Bar code  เครื่องจะทํา

การวิเคราะห์แสงที่ผ่านแท่งดําๆ ของรหัส  ว่าข้อมูลที่อ่านไว้เป็นรหัสอะไรและนําไปเปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมที่คอมพิวเตอร์บันทึกเอาไว้ มีขนาดเครื่องเล็กและความแม่นยำต่ำ
               
                Cash Register  scaner :  มักพบเห็นในห้างสรรพสินค้า หรืองานที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป  เช่น ใช้อ่าน Bar Code ของสินค้าหรือใช้อ่านรหัสบัตร

Optical Mark Readers (OMR)   เครื่องอ่านข้อมูลด้วยแสง (Optical Mark Readers)     เช่น  การอ่านข้อมูลบัตร Credit  หรือตรวจกระดาษคำตอบปรนัย   โดยจะบันทึกสัญลักษณ์หรือคำตอบเอาไว้ในคอมพิวเตอร์  และอาศัยการอ่านข้อมูลจากเครื่อง OMR เข้าไปเปรียบเทียบกับสัญลักษณ์ที่บันทึกเอาไว้

Optical Character Recognition (OCR) 
เป็นซอฟต์แวร์ของ Scanner แบบตัวอักขระ (text)   ซึ่งเป็น  software  ที่ต้องจัดหาหรือซื้อเพิ่มเพื่อการใช้งาน

Magnetic  Ink  Character Recognition (MICR)
เครื่องอ่านหมึกแม่เหล็ก  (Magnetic  Ink  Character Recognition  : MICR) ใช้ในการประมวลผลหมายเลขรหัสเช็คของธนาคาร  โดยเครื่องจะอ่านหมึกแม่เหล็กที่เป็นตัวเลข และสัญลักษณ์ ที่พิมพ์ลงบนเช็ค    ใช้ตรวจสอบการลายเซ็น   หรือการมอบอำนาจในการสั่งจ่ายเช็ค

Smart Cards Reader
เครื่องอ่าานบัตร Smart Cards  ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์  ในบัตร Smart card ประกอบด้วยไมโครชิพ   ที่สามารถประมวลผลได้ด้วยคอมพิวเตอร์   มีหน่วยความ
จําเก็บข้อมูลได้โดยไม่สูญหายไม้ไฟฟ้าดับ   การใช้บัตรจะต้องสอดบัตรเข้าไปให้เครื่องอ่านบัตร และป้อนรหัสผ่านจากคีย์บอร์ด บัตรจะมีหน่วยความจําและไมโครชิพจะเก็บเรคคอร์ดไว้อย่างถาวร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถูกใช้งาน   การใช้บัตรจะเกี่ยวข้องกับการประมวลผลทรานเซคชั่น ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรATM เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเรคเคอร์ดของลูกค้าธนาคาร
Terminal
ประกอบด้วยจอภาพ  คีย์บอร์ด และอุปกรณ์ในการเชื่อมโยงการสื่อสารข้อมูล  เป็นอุปกรณ์ปลายทางที่เชื่อมต่อเข้าคอมพิวเตอร์หลัก ใช้สําหรับบันทึกข้อมูลและการสืบคืนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หลัก   จำแนก Termianl  ได้ 3 ประเภทดังนี้
1. Dumb terminal  ทําหน้าที่ในการรับส่งข้อมูลและเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เพียงอย่างเดียว
 2. Smart terminal มีขีดความสามารถสูงกว่าชนิดแรก ทําหน้าที่รับส่งข้อมูลและสามารถแก้ไขข้อมูลที่
ผิดพลาดได้
3. Intelligent terminal เป็นการนําไมโครคอมพิวเตอร์  มาเป็นเครื่องเทอร์มินอล   มีการรับส่ง  แก้ไขข้อมูลได้  และยังสามารถประมวลผลด้วยตัวเองได้   มีขีดความสามารถสูงสุด
 Voice Input  Devices
รับเสียงพูดของ  User ส่งเข้าไปใน computer    อุปกรณ์จะจดจำเสียง และแปลงเสียงพูดนั้นเป็นข้อมูล  binary   โดยอาศัยระบบรู้จำเสียง (Voice Recognition System)   ซึ่งจะเปลี่ยนเสียงพูดให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ โดยการเปรียบเทียบรูปคลื่นสัญญาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนมาจากเสียงพูด กับรูปแบบของสัญญาณเสียงที่กําหนดไว้ ถ้าเหมือนกัน (Matching) คอมพิวเตอร์ก็จะยอมรับสัญญาณเสียงนั้น   ส่วนใหญ่แล้วเสียงที่ส่งเข้าไปนั้นจะขึ้นอยู่กับ User ว่าจะพูดอะไร  ระบบจะ เรียนรู้เสียงของ User   เอง  ประเภทของระบบเสียงมี 2 แบบ คือ ระบบคำไม่ต่อเนื่อง   จะมีการแบ่งคำของ user  และระบบคำแบบต่อเนื่อง  โดย  User สามารถพูดได้เป็นปกติ

Digital Camera ใช้ถ่ายภาพและจัดเก็บข้อมูลบน  Chip    ภาพเก็บภาพลงในคอมพิวเตอร์  และแก้ไขภาพด้วย software   รวมถึงเก็บภาพไว้ในสื่อ CDs  หรือ  DVDs    ภาพจะมีความละเอียดหลายล้าน pixels   จัดเก็บและลบทิ้งจาก memory card ได้การทำงานของ Digital Camera   จะมีรูรับแสงเปิดออก ภาพจะถูก Focus  ผ่านเลนส์  และกระทบลงบนส่วนรับภาพที่เรียกว่า  CCD      CCD จะแปลงภาพที่ได้เป็นสัญญาณอนาล๊อก (Sign Analog)  เพื่อนำไป  ผ่าน ADC  ซึ่งจะแปลงสัญญาณกลับเป็น Digital สามารถนำเข้าคอมพิวเตอร์  เพื่อใช้งานในประโยชน์อื่น ๆ  

Video Input Deviceจะประกอบด้วย ลำดับของเฟรม (Frames) ภาพนิ่งหลายเฟรม  มีการสลับเฟรมเพื่อแสดงผลได้อย่างรวดเร็วพอที่จะหลอกตาคนดูได้ว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพเคลื่อนไหว   ในการเปลี่ยนเฟรมหรือเคลื่อนที่ของภาพจะเร็วจนเห็นเป็นภาพต่อเนื่อง 

อุปกรณ์ล่าสุดของ sumsung


เทคโนโลยีฉีกกฎ ปฏิวัติโลกทีวี
อย่างที่ทราบกันดีว่า แอลอีดีทีวี เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของทีวีวันนี้ โดยหลักการทำงานของมันก็คือ ใช้การส่องสว่างของ LED (Light Emitting Diode) ที่สามารถให้ความแตกต่างของแสงสว่างกับมึดสนิท หรือที่เรียกว่า คอนทราส (contrast) ให้กับทุกจุดของภาพที่ปรากฎบนหน้าจอ ทำให้คุณได้รับชมภาพจากด้านหน้าจอที่มีมิติของความคมชัดลุ่มลึกสมจริงมากกว่าทีวีชนิดอื่นๆ
Samsung LED TV - Overview

ภาพลักษณ์โดยรวมของ Samsung LED TV Series 6
ซ้ายมือจะเป็นการมองโครงสร้างของแอลอีดีทีวีจากด้านหน้า ซึ่งจะเห็นภาพการจัดวางของชั้น Light Guide Plate ซ้อนอยู่ด้านหลังจอ LED โดยมีหลอด LED อยู่ด้านหลังสุด ส่วนภาพทางขวานั้นจะแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างง่ายๆ ของการทำงาน โดยหลอด LED จะส่องสว่างจากด้านหลังจอผ่านเข้าไปในชั้น LGP ซึ่งทำหน้าที่กระจายแสงออกไปยังพิกเซลที่เปิด (on) อยู่ ทำให้แสงสว่างผ่านสีสันของพิกเซลออกไปปรากฎบนหน้าจอได้ดังรูป
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการผลิตที่ใช้การติดตั้ง LED ไว้ด้านหลังจอภาพ เพื่อให้แสงสว่างสามารถกระจายผ่านเข้าไปทั่วทั้งหน้าจอทีวีได้นั้น ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีชั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์ของซัมซุงเท่านั้น นั่นคือ Light Guide Plate (LGP) ที่มีลักษณะเป็นชั้นบางๆ ซ้อนอยู่ด้านหลังของจออีกทีหนึ่ง (ดูในรูป) เพื่อให้แสงสว่างจาก LED ที่ส่องผ่านเข้าไปในขั้น LGP สามารถกระจายแสงสว่างไปทั่วทั้งหน้าจอได้อย่างสมบูรณ์
ทดลองเล่นวีดีโอ ที่ความละเอียด FULL HD 1080P ด้วยพอร์ท USB 2.0 Movie
ให้ภาพคมชัดสมจริง
สามารถปรับโหมดการแสดงภาพให้เหมาะกับประเภทของวีดีโอที่ต้องการชม ได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน
ได้แก่ Dynamic, Standard, Natural, Movie
ช่องสัญญาณเชื่อมสัญญาณวีดีโอและภาพมีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ HDMI 4 พอร์ท, USB 2.0, Audio Out L-R (Mini Jack), PC input (D-sub), PC Audio Input (Mini Jack), DVI Audio Input, Component (Y/Pb/Pr), Composite (AV), RF input

Hyper Real อีกขั้นของเทคโนโลยีที่ให้ภาพเคลื่อนไหว คมชัด สมจริง
นอกเหนือจากความสว่างใส ความคมชัดของภาพ  ที่ได้จากเทคโนโลยีหลอดภาพใหม่ LED TV แล้ว   Samsung LED TV ยังได้มีการพัฒนาสุดยอดเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้ภาพคมชัดสูงสุดสมจริงแบบ  HyperReal อีกด้วย โดยคุณสมบัติการแสดงผลอันเป็นสุดยอดนี้เกิดขึ้นได้ด้วย 3 เทคโนโลยีที่พบได้ในแอลอีดีทีวีของซัมซุง ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีมีรายละเอียดดังนี้

Mega Dynamic Contrast ระบบควบคุมความเข้มของแสงที่ทำให้ภาพที่ปรากฎมีมิติสมจริง โดยเฉพาะการแสดงความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างแสงสว่าง และความมึดสนิท ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องทนเห็นแสงเว่อร์ๆ ฟุ้งออกมาจากบริเวณภาพที่ต้องการความมึดสนิทสมจริงดังเช่นที่ปรากฎในจอทีวีทั่วไป  

Wide Color Enhancer Pro อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ให้ช่วงของสีสันต่างๆ ที่ปรากฎบนจอสามารถมีได้นับล้านเฉด และเต็มอิ่มทุกเฉด ดังนั้นภาพที่ปรากฎจึงสามารถแสดงสีสันได้สวยงามดุจภาพจากธรรมชาติจริงๆ ซึ่งเรื่องของเทคโนโลยีการแสดงเฉดสี ถือเป็นจุดเด่นของซัมซุงอยู่แล้ว

200 Hz Motion Plus สำหรับเทคโนโลยีนี้จะทำให้ Samsung LED TV สามารถแสดงภาพที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอาการเบลอ หรือสะดุดของภาพให้เสียอารมณ์ โดยจะมีอัตราเฟรมในการแสดงภาพเคลื่อนไหวอยู่ที่ 200 เฟรมต่อวินาท หรือคิดเป็น 4 เท่าของทีวีทั่วไป (50 เฟรมต่อวินาที)
และเมื่อผสานเทคโนโลยีทั้ง 3 เข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ทำให้การแสดงภาพบนแอลอีดีทีวีของซัมซุงมีความคมชัด สีสันสวยงาม พร้อมทั้งการเคลื่อนไหวที่สมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับคุณสมบัติของการทำงานที่เรียกว่า HyperReal อย่างแท้จริง
ประสบการณ์ใหม่กับโลกมัลติมีเดีย กับ Media2.0
นอกจาก Samsung LED TV จะตอบโจทย์ความบันเทิงบนหน้าจอได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการแสดงผลที่สมจริงแล้ว คุณสมบัติอันเหนือชั้นกว่าทีวีทั่วไป ซึ่งผู้ใช้ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน นั่นก็คือ เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Media 2.0  ที่สามารถเชื่อมโลกออนไลน์บนหน้าจอทีวีได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อรับชมข่าวสารต่างๆ จากทั่วโลกได้ด้วย Samsung TV Widget โปรแกรมขนาดเล็กที่ทำงานบนเทคโนโลยี Internet@TV ที่ติดตั้งมาพร้อมตัวเครื่อง ซึ่งคุณสามารถรับชมข่าวในประเทศจาก The Nation ตลาดหุ้น หรือข่าวต่างประเทศจาก USA Today ตลอดจคลิปวิดีโอสนุกๆ จาก YouTube และเช็คข้อมูลพยากรณ์อากาศ AccuWeather ได้ล่วงหน้า ทั่วประเทศ  เพียงแค่กดรีโมทของทีวีเท่านั้น
สำหรับคุณสมบัติ Media 2.0 จะสามารถพบได้ใน Samsung LED TV รุ่น 7,000 กับ 8,000 เท่านั้น นอกจากนี้รุ่น 8,000 จะแตกต่างจากรุ่น 7,000 ตรงที่เป็นรุ่นใช้ความถี่ 200Hz ในการแสดงภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ
Content Library Flash  Built-in Content ความบันเทิง 5 แบบ เช่นแกลอรี่รูปภาพ ที่เปิดโชว์เพื่อน ๆ  เวลามาที่บ้านได้ รายการอาหาร  รายการสุขภาพ รายการเด็ก และเกมส์สนุกๆ     หรือ USB 2.0 Movie อันนี้เหมาะกับชีวิตดิจิตอลที่เชื่อมต่อสื่อดิจิตอลต่าง  ๆ เช่นกล้อง เครื่องเล่น MP3  คุณสามารถดูภาพท่องเที่ยวทริปโปรดล่าสุดจากกล้องโดยผ่านจอทีวีขนาดใหญ่  และ DLNA (Digital Living Network Alliance)    ที่คุณสามารถเชื่อมต่อหรือแลกเปลี่ยนมัลติมีเดีย เช่นรูปภาพ เพลง วีดีโอที่อยุ่ในแต่ละสื่อไม่ว่าจะเป็น ทีวี  คอมพิวเตอร์ หรือมือถือได้อย่างง่ายดาย  หรือเรียกว่าเป็น Home Networking ภายในบ้าน

ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับธรรมชาติ
Samsung LED TV ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Eco-Friendly TV (เทคโนโลยีจอ LCD แบบเดิมจะใช้หลอด CCFL ในการให้แสงสว่าง ซึ่งใช้สารปรอทในการผลิต) และผ่านกระบวนการที่ไม่ก่อมลภาวะ แถมยังเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 43% เมื่อเทียบกับทีวีทั่วไป และแอลอีดีทีวีจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าจอแอลซีดีทั่วไปอีกด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีอายุการใช้งานนานกว่าประมาณ 2 เท่า
สุดยอดแห่งเทคโนโลยีภายใต้ดีไซน์ที่บางที่สุดในโลก
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า ด้วยสุดยอดนวตกรรมของเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้สาธยายมาข้างต้น จะสามารถนำมารวมกันไว้ภายใต้ดีไซน์ที่สวยล้ำ และความบางที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ ซึ่งความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับเทคโนโลยี LED ที่มีขนาดของหลอดเล็กมาก แต่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างได้เหนือกว่า LCD TV ทั่วไป ซึ่งใช้หลอดภาพที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกด้วย โดย Samsung LED TV จะมีความบางแค่ 1.17 นิ้วเท่านั้น ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการตั้งวางลงได้มากทีเดียว ประกอบกับการออกแบบกรอบทีวีแบบคริสตัลใสที่เรียกว่า Liquid Crystal Design ทำให้มันมีความสวยงามหรูหรามีระดับ และด้วยชุดแขวนผนังที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความบางเป็นพิเศษ ทำให้คุณสามารถแขวน Samsung LED TV ไว้บนฝาผนังได้โดยมีช่องว่างระหว่างจอกับผนังให้เหลือแค่เพียง 15 ม.ม.เท่านั้น
Ultra Slim Design ความหนาของจอภาพเพียง 1.17 นิ้ว (2.97 ซ.ม.) เท่านั้น

การออกแบบด้วยขอบจอใส หรูหราแบบ Crystal Design
ทำให้ LED TV จาก Samsung กลายเป็นประติมากรรมชิ้นเอกในบ้านของคุณ

และด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่เพียบพร้อมประกอบกับเทคโนโลยีทีตอบโจทย์ความบันเทิงที่เหนือชั้นที่ให้ทั้งความสว่างคมชัดทั้งหน้าจอ และการเคลื่อนไหวของภาพที่สวยงามสมจริง ตลอดจนความสามารถในการเชื่อมโลกความบันเทิงกับอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดก็คงจะไม่เป็นการกล่าวเกินไปนักที่จะบอกว่า คุณจะหาแอลอีดีทีวีทีมีคุณสมบัติเพียบพร้อม และคุ้มค่าขนาดนี้จากที่ไหนอีกล่ะครับ
อ้างอิงจาก : www.arip.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น